สรุป ผลประกอบการ ปี 2559 “กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” แม้ว่า แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ยังครองตัวเลขรายได้ (Revenue) และอัตรากำไรสุทธิ ( Net Profit Margin : NPM) สูงที่สุด แต่ก็พบบริษัทอสังหามาแรงทำตัวเลขดีอย่างน่าตกใจในด้านต่าง ๆ อย่าง ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้(ORI) ที่มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 32.35% และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) 16% สูงที่สุดในกลุ่ม ด้านกระแสเงินสดสุทธิ (Net Cash Flow ) สูงที่สุด คือ แสนสิริ(SIRI) 1.08 พันล้านบาท ส่วนกำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS) สูงที่สุด คือ ศุภาลัย(SPALI) 2.85 บาทต่อหุ้น ขณะที่บริษัทมหาชนที่ดูเหมือนจะมีความเสี่ยงสูงสุด คือ เพซ ดีเวลลอปเมนท์(PACE) ที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ( Debt to Equity : D/E ) สูงถึง 17.84 เท่า

TerraBKK Research สังเกตการณ์บริษัทมหาชนกลุ่มอุตสาหกรรม “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ” จำนวน 30 บริษัท เปรียบเทียบพื้นฐานด้านราคา พบว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์มักมี market cap. (ราคาปิดของหุ้น X ปริมาณหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์) เฉลี่ยราว 2,920-16,875 ล้านบาท สูงสุดบริษัท 3 อันดับแรกจะเป็น แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) , ศุภาลัย(SPALI) และ สิงห์ เอสเตท(S) ขณะที่ อัตราส่วน P/E (การเปรียบเทียบราคาตลาดของหุ้นสามัญต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นสามัญตัวนั้น ๆในรอบ 12 เดือน) เฉลี่ย 7.7 - 18.4 เท่า อัตราส่วน P/BV (การเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นสามัญต่อมูลค่าทางบัญชีของหุ้นสามัญตัวนั้น ๆ) เฉลี่ย 0.8-1.7 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน (การเปรียบเทียบเงินปันผลต่อหุ้นเทียบกับราคาตลาดของหุ้นสามัญตัวนั้น ๆ) เฉลี่ย 0.1% -5.4% โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราปันผลสูงสุด 3 อันดับแรก จะเป็น แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์(LPN) 7.76 % , ปริญสิริ(PRIN) 7.55% และแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) 6.56%

สำหรับ ผลประกอบการ ประจำปี 2559 ของกลุ่มอุตสาหกรรม “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ” TerraBKK Research รวบรวมตัวเลขและอัตราส่วนทาการเงินของ30 บริษัท ประกอบด้วย รายได้ (Revenue) ,อัตรากำไรสุทธิ (NPM) ,กำไรต่อหุ้น (EPS) , เงินสดสุทธิ (Net Cash Flow ) , อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE),อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) และ หนี้สินต่อทุน ( D/E ) รายละเอียดดังนี้ 1. รายได้ (Revenue) ของกลุ่มอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปี2559 ที่ผ่านมา TerraBKK Research พบว่า มีทั้งบริษัทที่สามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นและลดลง บริษัทที่สามารถทำรายได้สูงโดดเด่น 3 อันดับของกลุ่ม คือ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) , แสนสิริ(SIRI) , และ ศุภาลัย(SPALI) ขณะที่ บริษัทที่มีเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงรายได้เพิ่มขึ้น 3 อันดับแรกสูงสุด จากปี 2558 ได้แก่ โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์(NOBLE) , เสนาดีเวลลอปเม้นท์(SENA) และ สิงห์ เอสเตท(S) 2.อัตรากำไรสุทธิ ( Net Profit Margin : NPM) ปี 2559 ของอุตสาหกรรมนี้ โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอัตรากำไรสุทธิราว 9.6 % โดย 3 อันดับแรกที่มีอัตราส่วนกำไรสุทธิดีที่สุด ได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) 24.8% ,ศุภาลัย(SPALI) 20.7% และ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้(ORI) 19.9% ขณะเดียวกันTerraBKK Research สังเกตพบ บริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับปี2558 นั้นคือ เโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์(NOBLE)ที่สามารถพลิกกำไรกลับมาเป็นบวกได้ รองลงมาจะเป็น เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์(MJD) และ ปริญสิริ(PRIN) 3. กำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS) สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 มีทั้งตัวเลขทีพิ่มขึ้นและลดลง ทั้งนี้ TerraBKK Research เห็น บริษัทที่มีตัวเลขกำไรต่อหุ้นปี 2559 สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ศุภาลัย(SPALI) 2.85 บาทต่อหุ้น , โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์(NOBLE) 1.49 บาทต่อหุ้น และ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์(LPN)1.47 บาทต่อหุ้น

4. อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) ปี2559 ของกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ มีค่าเฉลี่ยราว 9.45% TerraBKK Research พบว่า บริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุด 3 อันดับแรก เมื่อเทียบกับปี 2558ได้แก่ โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์(NOBLE) ที่สามารถพลิกจากตัวเลขติดลบกลายมาเป็นตัวเลขบวกได้ รวมทั้ง เสนาดีเวลลอปเม้นท์(SENA) และเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์(MJD) ทีมีตัวเลขกระโดดอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นลดลง 3 อันดับแรก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้แก่ เพซ ดีเวลลอปเมนท์(PACE) ,ณุศาศิริ(NUSA) และ พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) 5. อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) ของกลุ่มอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นี้ TerraBKK Research โดยภาพรวมปี2559 มีค่าเฉลี่ยราว 4.85% สำหรับ 3 อันดับแรกที่มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์สูงสุด ได้แก่ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้(ORI) 16% แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์(LPN) 14.4% และ ศุภาลัย(SPALI) 13.3% โดย เสนาดีเวลลอปเม้นท์(SENA) ปรับตัวเพิ่มสูงสุด และ พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) ปรับตัวลงแรงที่สุด เมื่อเทียบกับปีก่อน

6. เงินสดสุทธิ (Net Cash Flow ) แสดงการเคลื่อนไหวของเงินทุนผ่านการดำเนินงานของบริษัททั้ง 3 กิจกรรม อันได้แก่ กิจกรรมดำเนินงาน ,กิจกรรมลงทุน,กิจกรรมจัดหาเงิน พบว่า บริษัทที่มีเงินสดสุทธิโดดเด่นได้แก่ แสนสิริ(SIRI) ทั้งนี้ หากผลลัทธ์ออกมาเป็นตัวเลขติดลบ TerraBKK Research อธิบายว่า ขณะนั้นบริษัทมีสถานะเงินสดไหลออกมากกว่าเงินสดไหลเข้า จุดนี้เองอาจส่อสัญญาณขาดสภาพคล่องในการดำเนินงานได้ ซึ่งพบว่า 3 อันดับแรกที่มีตัวเลขเงินสดสุทธิติดลบมากที่สุด ได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ,พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค(PF) และ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) สาเหตุมาจากทั้ง 3 กิจกรรม เช่น กิจกรรมดำเนินงาน จะเป็นส่วนของการจ่ายดอกเบี้ย , สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น เป็นต้น กิจกรรมลงทุน เช่น เงินสดจ่ายจากการซื้อที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เป็นต้น กิจกรรมจัดหาทุน เช่น เงินปันผลจ่าย เป็นต้น 7. หนี้สินต่อทุน ( Debt to Equity : D/E ) ของกลุ่มอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปี 2559 นี้ ส่วนใหญ่มีค่าไม่เกิน 2 เท่า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ หากมีค่ามากกว่า 2 ถือว่ามีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ เพซ ดีเวลลอปเมนท์(PACE) ที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูงถึง 17.84 เท่า --เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก