สรุป ผลประกอบการ ปี 2559 “ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ” บริษัทมหาชนที่สามารถทำรายได้สูงที่สุดในกลุ่ม คือ อิตาเลียนไทย(ITD) 4.84 หมื่นล้านบาท ส่วน ช.การช่าง(CK) มีกระแสเงินสดสุทธิ (Net Cash Flow ) สูงสุด 6.74 พันล้านบาท ขณะที่ด้านตัวเลขกำไรต้องยกให้ พรีบิลท์(PREB) ที่มีตัวเลขกำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS) สูงที่สุด 2.55 บาทต่อหุ้น , อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE)สูงที่สุด 45.7% และ อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) สูงที่สุด 20.03% รวมทั้ง ไพลอน(PYLON ) ที่มีอัตรากำไรสุทธิ ( Net Profit Margin : NPM) สูงที่สุด 15.98% ด้านความเสี่ยงตกเป็นของ เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) ที่มีหนี้สินต่อทุน ( Debt to Equity : D/E ) 7.19เท่า มากที่สุดในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

TerraBKK Research สังเกตการณ์บริษัทมหาชนกลุ่มอุตสาหกรรม “กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ” จำนวน 20 บริษัท เปรียบเทียบพื้นฐานด้านราคา พบว่า บริษัทธุรกิจค้าปลีกมักมี market cap. (ราคาปิดของหุ้น X ปริมาณหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์) เฉลี่ยราว 3,500-11,250 ล้านบาท โดย 3 บริษัทมหาชนที่มี market cap. มากที่สุด คือ ช.การช่าง(CK) , ซิโน-ไทย(STEC) และ อิตาเลียนไทย(ITD) ขณะที่ อัตราส่วน P/E (การเปรียบเทียบราคาตลาดของหุ้นสามัญต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นสามัญตัวนั้น ๆในรอบ 12 เดือน) เฉลี่ย 20.5-27.5 เท่า อัตราส่วนสูงสุดจะเป็นบีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) อัตราส่วน P/BV (การเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นสามัญต่อมูลค่าทางบัญชีของหุ้นสามัญตัวนั้น ๆ) เฉลี่ย 1.65-2.95 เท่า อัตราส่วนสูงสุดจะเป็นไพลอน(PYLON) อัตราเงินปันผลตอบแทน (การเปรียบเทียบเงินปันผลต่อหุ้นเทียบกับราคาตลาดของหุ้นสามัญตัวนั้น ๆ) เฉลี่ย 0.95%-3.5 % โดยบริษัทที่มีอัตราปันผลสูงสุดจะเป็นพรีบิลท์ (PREB) 6.71%

TerraBKK Researchรวบรวมผลประกอบการบริษัท ปี 2559 ของกลุ่มอุตสาหกรรม “รับเหมาก่อสร้าง ”จำนวน 20 บริษัทประกอบด้วยตัวเลขและอัตราส่วนทาการเงิน ได้แก่ รายได้ (Revenue) ,อัตรากำไรสุทธิ (NPM) ,กำไรต่อหุ้น (EPS) , เงินสดสุทธิ (Net Cash Flow ) , อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE),อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) และหนี้สินต่อทุน ( D/E ) รายละเอียดดังนี้ 1. รายได้ (Revenue) ของกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง ปี 2559 ที่ผ่านมาTerraBKK Research พบว่ามีทั้งบริษัทที่สามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นและลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทที่สามารถทำรายได้สูงโดดเด่นระดับหมื่นล้านบาท ได้แก่ อิตาเลียนไทย(ITD) , ช.การช่าง(CK) และ ทีทีซีแอล(TTCL) ขณะที่บริษัทที่มีเปอร์เซ็นต์รายได้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหกลอิควิปเมนท์(SQ), ช.การช่าง(CK) และ พรีบิลท์(PREB) 2.อัตรากำไรสุทธิ ( Net Profit Margin : NPM) ปี 2559 ของอุตสาหกรรมนี้ โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอัตรากำไรสุทธิราว 5.65 % โดย 3 อันดับแรกที่มีอัตราส่วนกำไรสุทธิดีที่สุด ได้แก่ ไพลอน(PYLON) 15.98%, พรีบิลท์(PREB) 14.67% และ เอสทีพี แอนด์ ไอ(STPI) 13.63% TerraBKK Research สังเกตพบบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิกระโดดเพิ่มขึ้นสูงสุด นั้นคือ พรีบิลท์(PREB)ที่มีค่า 14.67% (ปี58=7.20%) และ บริษัทที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด คือ บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI)ที่มีค่า 2.11% (ปี58=22.94%) 3. กำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS)สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง ในปี 2559 นี้มีทั้งตัวเลขที่ปรับตัวดีขึ้นและแย่ลง เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ TerraBKK Research สังเกตเห็นบริษัทที่มีตัวเลขกำไรต่อหุ้นสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ พรีบิลท์(PREB) 2.55 บาทต่อหุ้น ,ช.การช่าง(CK) 1.18 บาทต่อหุ้น และ ซิโน-ไทย(STEC) 0.91 บาทต่อหุ้น

4. อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) ปี 2559 ของกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างนี้มีค่าเฉลี่ยราว 11.3% TerraBKK Research พบว่า บริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย)(CNT) รวมทั้ง ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) และ เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง(PLE) ที่กลับตัวเลขให้กลายเป็นบวกได้ในปี 2559 ที่ผ่านมาขณะเดียวกัน บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นลดลง 3 อันดับแรก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้แก่ บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) , ศรีราชาคอนสตรัคชั่น(SRICHA) , เอสทีพี แอนด์ ไอ(STPI) รวมทั้ง อีเอ็มซี (EMC) ที่ยังไม่สามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา 5. อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA)ของกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง นี้ TerraBKK Research พบว่า ภาพรวมปี 2559 มีค่าเฉลี่ยราว 6.5% สำหรับ 3 อันดับแรกที่มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์สูงสุด ได้แก่ พรีบิลท์(PREB) 20.03% , ไพลอน(PYLON) 18.72% และ ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น(SYNTEC) 13.15% โดย เนาวรัตน์พัฒนาการ(NWR) 2.33% (ปี58=0.03%) มีการปรับตัวเพิ่มสูงสุด ขณะที่ บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) 1.9% (ปี 58= 21.84%) ปรับตัวลงแรงที่สุด เมื่อเทียบกับปีก่อน

6. เงินสดสุทธิ (Net Cash Flow ) แสดงการเคลื่อนไหวของเงินทุนผ่านการดำเนินงานของบริษัททั้ง 3 กิจกรรม อันได้แก่ กิจกรรมดำเนินงาน ,กิจกรรมลงทุน,กิจกรรมจัดหาเงิน โดยบริษัทที่มีเงินสดสุทธิโดดเด่นได้แก่ ช.การช่าง(CK) ที่มีกระแสเงินสดสุทธิระดับพันล้านบาท ทั้งนี้ หากผลลัทธ์ออกมาเป็นตัวเลขติดลบ TerraBKK Research อธิบายว่า ขณะนั้นบริษัทมีสถานะเงินสดไหลออกมากกว่าเงินสดไหลเข้า จุดนี้เองอาจส่อสัญญาณขาดสภาพคล่องในการดำเนินงานได้ ซึ่งพบว่า 3 อันดับแรกที่มีตัวเลขเงินสดสุทธิติดลบมากที่สุด ได้แก่ ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น(TRC) , อีเอ็มซี (EMC) และ ซิโน-ไทย (STEC) ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากกิจกรรมลงทุน เช่น เงินลงทุนระยะสั้นหรือยาว , เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม , เงินสดจ่ายจากการซื้อที่ดินอาคารและอุปกรณ์ เป็นต้น 7. หนี้สินต่อทุน ( Debt to Equity : D/E )ของกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง ปี 2559 นี้ หากมีค่าไม่เกิน 2 เท่า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ โดย 3 อันดับที่มีตัวเลขหนี้สินต่อทุนสูงที่สุดในกลุ่ม คือ ได้แก่ เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) 7.19เท่า แม้จะลดลงกว่า 3 เท่าตัวจากปีก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงสูงสุดในกลุ่มนี้ รวมทั้ง อิตาเลียนไทย(ITD) 4.92 เท่า และ ทีทีซีแอล(TTCL) 3.68 เท่า --เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKKเคล็ดลับการลงทุน TerraBKKค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก