การคิดมากนั้นคือพฤติกรรมที่คุณควรที่จะอยากฝึกสมองของคุณให้ควบคุมมันได้ โดยเฉพาะเมื่อการคิดมาเริ่มสร้างปัญหาให้กับคุณ เช่นเมื่อคุณคิดมากจนกระทั่งอารมณ์ของคุณเริ่มติดลบ หรือความคิดของคุณเพียงทำให้คุณรู้สึกกังวลมากขึ้น เคยมั้ยที่การคิดมากของคุณทำให้คุณไม่สามารถทำอะไรบางอย่างที่ความจะทำให้เสร็จได้ คุณเคยถ่วงเวลาตัวเองออกไปเพื่อรอแล้วรออีกที่จะพิจารณาผลกระทบที่เป็นไปได้ในทุกแง่มุมหรือไม่

การคิดมากสามารถส่งผลทางลบกับคนที่เป็นโรคขี้กังวล การที่คนเรานั้นมัวแต่สนใจถึงความไม่แน่นอนในอนาคตที่ทำให้เรามีแต่จะเพิ่มความกังวลในสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ การคิดมากยังส่งผลให้เราหยุดการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ดังนั้นแล้วเรามีฝึกสมองให้หยุดคิดมากแล้วเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ในขณะนี้ ณ เวลาปัจจุบัน

การศึกษาจากมหาวิทยาลัย University of California ใน Santa Barbara ได้ทำการทดสอบโดยให้กลุ่มศึกษาดูภาพ kaleidoscope color จากนั้นทดสอบความสามารถในการจดจำว่ากลุ่มทดสอบนั้นเคยเห็นภาพดังกล่าวมาก่อนหรือไม่ ผลปรากฏว่ากลุ่มศึกษาที่เลือกที่จะตอบคำถามจากความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาในความทรงจำนั้นได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มศึกษาที่พยายามอย่างหนักที่จะจดจำรายละเอียดของภาพ กลุ่มที่คิดมากนั้นพยายามใช้พลังสมองทั้งหมดเพื่อที่จะพยายามดึงความทรงจำว่าพวกเขาจำภาพเหล่านี้ได้หรือไม่ออกมา แต่กลับได้ผลลัพท์ที่ด้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ให้ความใส่ใจในรายละเอียดมากเท่า

การทดลองครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า “ทำไมการที่เรามุ่งความสนใจในรายละเอียดเล็กๆทั้งหมดสามารถส่งผลต่อความสามารถในการจดจำสิ่งที่เรามองเห็นได้”

ฝึกสมองของคุณให้หยุดคิดมากและมองไปที่ภาพใหญ่

ผลจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการมองภาพรวมนั้นเป็นวิธีที่ได้ผลมากกว่าในการพยายามจดจำภาพที่มีความซับซ้อน ในการฝึกสมองของคุณให้รับข้อมูลเช่นนี้ โดยการรับเอารายละเอียดทั้งหมดเข้ามาในครั้งเดียว เหมือนกับว่าสมองรับข้อมูลโดยการถ่ายภาพและเรามองรายละเอียดทั้งหมดในครั้งเดียว

คุณสามารถฝึกความสามารถเช่นนี้ได้โดยการหาหนังสือภาพ เปิดหน้าแบบสุ่มจากนั้นใช้เวลามองมันนาน 5 วินาที ปิดหนังสือและพยายามนึกถึงรายละเอียดที่คุณเห็นในรูปหน้านั้น การจำกัดเวลาให้น้อยนั้นจะทำให้สมองของคุณไม่คิดมากเกินไป ลองฝึกทำเช่นนี้ซ้ำๆจนกระทั่งคุณเริ่มมีความมั่นใจในสมองของคุณและความสามารถในการจดจำข้อมูลอย่างรวดเร็ว

ฝึกสมองของคุณให้รู้สึกสบายใจกับความไม่แน่นอน

มันมีสิ่งที่คุณสามารถที่จะรู้ได้ และบางสิ่งที่คุณไม่มีทางรู้เลย คนที่คิดมากนั้นคือผู้ที่ฝึกสมองของตัวเองให้มุ่งความสนใจไปในสิ่งที่ไม่แน่นอนเพราะพวกเขาพยายามที่จะแก้ปัญหาในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แม้คำตอบของปัญหาบางอย่างนั้นสามารถที่จะตอบได้ แต่คนที่คิดมากนั้นมักจะจมอยู่กับปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือย่างน้อยก็เป็นปัญหาที่พวกเขาคิดว่ามาสามารถหาคำตอบได้ เช่น “พวกเขาหมายความว่ายังไงกันแน่ตอนที่พวกเขาพูดแบบนั้น” คำถามนี้สามารถที่จะตอบได้ง่ายๆเพียงถามตรงๆจากผู้พูดเพื่อให้พวกเขาอธิบายถึงความหมายของสิ่งที่พวกเขาพูด หรือ “พวกเขาคิดอย่างไรกับฉันนะ” ก็สามารถตอบได้โดยถามคนที่คุณอยากรู้ว่ารู้สึกอย่างไรกับคุณ เพียงแค่หาคำตอบให้กับสิ่งที่ทำให้คุณคิดมาก หรือบอกสมองของคุณว่าคุณโอเคที่จะไม่ได้คำตอบของปัญหานั้นๆ

ฝึกสมองของคุณให้สังเกตเมื่อคุณเริ่มคิดลบกับตัวเอง

การคิดแบบ Meta-thinking นั้นคือการคิดว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งจำเป้นที่จะต้องการทักษะการสำรวจตัวเองในระดับหนึ่ง หากคุณกำลังอ่านบทความนี้และกำลังกังวลว่าคุณอาจจะกำลังคิดมากเกินไป แสดงว่าคุณนั้นรู้ตัวว่าคุณมีลักษณะการคิดที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อตัวคุณเอง คนที่มีประสบการณ์เครียดกับการคิดมากนั้นมักจะมีมุมมองที่เป็นลบกับตัวเอง เพราะความคิดของเขาเอง การที่ตัวเราเองนั้นยอมให้ความคิดลบยังอยู่ แต่ในขณะเดียวกับก็ปฏิเสธว่าความคิดลบนั้นบ่งบอกถึงตัวตนของเราคือส่วนหนึ่งของเทคนิคที่สามารถช่วยคนที่คิดมากได้

ค้นหาบางสิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้

อาการคิดมากนั้นเกิดขึ้นเมื่อคุณต้องการที่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ ดังนั้นการที่คุณสามารถมองหาสิ่งที่คุณเองสามารถควบคุมได้นั้นจะช่วยให้ตัวคุณเองกลับกลายมาเป็นคนคุมสถานการณ์แทน ยกตัวอย่างเช่น การเขียนปัญหาลงไปในสมุดซึงง่ายดาย และยังช่วยให้สมองของคุณหยุดที่จะพยายามจดจำปัญหา จากนั้นทำการมองหาสิ่งใดที่คุณสามารถทำได้เพื่อแก้ปัญหาหรือนำมันไปยังหนทางที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่นการโทรคุยกับคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆเพื่อที่จะได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น

ขอบคุณที่มาจาก : www.powerofpositivity.com