ประกาศอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย ในงานสถาปนิก 60 …กับก้าวใหม่แบรนด์จระเข้ ภายใต้ชื่อองค์กรใหม่ “บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด” (จากชื่อเดิม บริษัท เซอรา ซี-เคียว จำกัด)” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราจระเข้มากว่า 25 ปี ครองความเป็นผู้นำอันดับ 1 ตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมเตรียมก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมรุกหนักเร่งทำการตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV เน้นตลาดในพม่า และเวียดนามเป็นหลัก ตั้งเป้าปีนี้จะเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 15-20% นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ออกเปิดเผยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในงานสถาปนิก 60 ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขององค์กร แบรนด์จระเข้ ที่ได้มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ โดยได้กล่าวว่า “ปัจจุบันองค์กรของเราผู้บริหารแบรนด์จระเข้ ใช้ชื่อ “บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด” อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากชื่อเดิมคือ บริษัท เซอรา ซี-เคียว จำกัด โดยดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ มีผลตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเหตุที่เราปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทนั้น เราต้องการให้ชื่อแบรนด์จระเข้ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าที่เราเป็นทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่าย กับชื่อของบริษัทเป็นชื่อเดียวกัน จึงเป็นที่มาของชื่อ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด” การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ถือเป็นก้าวใหม่ขององค์กร ที่ไม่ใช่ก้าวเริ่มต้น แต่จะเป็นก้าวกระโดด อย่างยิ่งใหญ่ของแบรนด์จระเข้กว่า 25 ปีที่ผ่านมา ที่เราผลิตและจัดจำหน่ายกาวซีเมนต์-ยาแนว วัสดุติดตั้ง-ตกแต่งกระเบื้อง เคมีซีเมนต์เพื่อแก้ปัญหาร้าวรั่วซึม และสีคัลเลอร์ซีเมนต์ ครองความเป็นผู้นำอันดับ 1 ตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นบริษัทชั้นนำทางด้านธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน การดำเนินธุรกิจในประเทศที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จอย่างมาก ผลิตภัณฑ์แบรนด์จระเข้ ได้รับการตอบรับและเป็นที่รู้จักดีของตลาดวัสดุก่อสร้าง โดยกลุ่มสินค้าหลักที่เป็นตัวสร้างยอดขายคือกาวซีเมนต์และกาวยาแนว ซึ่งปัจจุบันเรามีตัวแทนจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ มากกว่า 4,000 ราย ครอบคลุมทั่วทุกแห่ง เข้าถึงทุกชุมชนในทุกพื้นที่ในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV สร้างยอดขายทำให้ผลประกอบการของบริษัท เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด สำหรับปีนี้เราได้ตั้งเป้ายอดขายเติบโตต่อเนื่องเหมือนทุกๆปี โดยปีนี้จะมุ่งเน้นไปที่ตลาดต่างประเทศกลุ่ม CLMV มากขึ้น โดยวางเป้าหมายไว้ที่ ประมาณ 2,800 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 ประมาณ 15-20% ก้าวใหม่แบบก้าวกระโดดของเราต่อจากนี้ แบรนด์จระเข้ พร้อมเตรียมก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอีกไม่นานนี้ ซึ่งภายใน 3-5 ปีจากนี้ เราให้ความสำคัญในการทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น เร่งเดินหน้ารุกหนักตลาดโลก และตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เน้นหนักไปที่ตลาดในกลุ่มCLMV โดยเฉพาะประเทศพม่าและเวียดนาม โดยตั้งเป้ายอดขายในตลาดต่างประเทศ เป็นสัดส่วนอยู่ที่ 25-30% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งจะเน้นส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้ามูลค่าสูง (High Value) เพื่อให้ได้เม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ประเทศไทย และทำการตลาดขยายฐานลูกค้าใหม่ สร้างการรับรู้แบรนด์จระเข้ ให้เป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศมากยิ่งขี้น หลังวางรากฐานมาแล้ว โดยเริ่มส่งออกผลิตภัณฑ์แบรนด์จระเข้ ออกสู่ตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา นอกจากเน้นหนักในการทำการตลาดต่างประเทศแล้ว เรายังมุ่งเดินหน้าสู่สิ่งที่ดีกว่าในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการระบบการทำงานต่างๆ ขององค์กร ตลอดจนการพัฒนาและวิจัยสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่ดีกว่า ล้ำกว่า ตอบสนองและเข้าถึงความต้องการของลูกค้า และความต้องการของตลาดได้มากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตที่จะเกิดขึ้น และที่สำคัญเรามีแผนในการนำบริษัท เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมตัวเพื่อเตรียมความพร้อม จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่ากว่า 25 ปี องค์กรของเราไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยหยุดพัฒนา ให้ความสำคัญและใส่ใจในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะต่อลูกค้า บุคลากรภายในองค์กร หรือคนรอบข้างนอกองค์กร ส่งผลให้ในปี 2559 ที่ผ่านมา แบรนด์จระเข้เป็นองค์กรที่เป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมการผลิต ที่ใส่ใจทั้งคุณภาพสินค้า คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม ได้รับมาตรฐานคุณภาพ ISO 14001 : 2015 บ่งบอกความเป็นเลิศด้านระบบจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดจากหน่วยงานและองค์กรทั่วโลก เป็นการก้าวสู่ Green Industry ระดับ 3 อย่างเต็มตัว ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีลดฝุ่น ทันสมัยที่สุดในโลก ลดการใช้พลังงาน ลดการสร้างของเสียมลพิษ นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001 : 2008 แสดงถึงความเป็นเลิศด้านคุณภาพและประสิทธิภาพภายในองค์กรอีกด้วย สำหรับการร่วมออกบูธของ “จระเข้” กับงานสถาปนิก 60 ในปีนี้ ต้องบอกว่านับตั้งแต่ครั้งแรกที่มีงานสถาปนิก “จระเข้” ได้เข้าร่วมงานทุกปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ของบริษัทฯ ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มสถาปนิก นักออกแบบ รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจก่อสร้างและสถาปัตยกรรม ในปีนี้คอนเซปต์ของเรายังคงเป็นไปตามปณิธานขององค์กร คือ “การสร้างสรรค์ความสุข เพื่อคุณและทุกคนในครอบครัว - Innovation for your family’s happiness” โดยไฮไลท์ปีนี้ “จระเข้” มีการเปิดตัว 2 นวัตกรรมสินค้าใหม่ เจ้าแรกในตลาด ได้แก่ • “กาวซีเมนต์ จระเข้ เอ็กซ์ตรีม” ที่สุดแห่งกาวปูกระเบื้องใหญ่ยักษ์” มีพลังยึดเกาะสูงเป็นพิเศษ ช่วยในการยึดเกาะกระเบื้องแผ่นใหญ่ ขนาด 3 เมตรขึ้นไป ที่มีน้ำหนักมากๆ ทนต่อสภาวะอากาศ เหมาะสำหรับกระเบื้องพอร์ซเลนขนาดใหญ่ หินอ่อน หินแกรนิตธรรมชาติ ปูได้ทุกพื้นผิว ทั้งภายใน ภายนอกอาคาร หรือปูทับกระเบื้องเดิมทั้งพื้นและผนัง สินค้าได้รับมาตรฐานทั้งอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นเทรนด์ของการใช้กระเบื้องเซรามิคในปัจจุบัน ที่เน้นแผ่นใหญ่ยักษ์ทั้งการปูพื้นและผนัง “จระเข้” จึงคิดค้นนวัตกรรมการผลิต กาวซีเมนต์ จระเข้ เอ็กซ์ตรีม ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์และรองรับการใช้งานดังกล่าวเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย • และอีกหนึ่งนวัตกรรมไฮไลท์ ก็คือ “จระเข้ คัลเลอร์ สตัคโค” จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้การออกแบบต้องการความแตกต่าง ไม่ใช่แค่เรื่องความสวย แต่ต้องมี function ด้วย เราจึงคิดค้นและขอนำเสนอนวัตกรรมสีที่ให้คุณค่าทั้งสองส่วนในหนึ่งเดียว จระเข้ คัลเลอร์ สตัคโค คือมอร์ต้าสีชนิดพิเศษ เปลี่ยนผนังภายนอกให้เป็นผลงานที่คุณสามารถสร้างสรรค์ให้มีมิติโดดเด่น ได้มากมาย ตอบรับการออกแบบได้เป็นอย่างดี เนื้อวัสดุ Hybrid ที่จะทำให้ความสวยและความแกร่งผสานเป็นเรื่องเดียวกัน ช่วยให้ผู้ออกแบบเติมจินตนาการบนผนังให้สวยลึก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การใช้งาน ลดการดูแลรักษา เหมาะสำหรับผนังภายนอก ให้ความคงทนสูงไปอีกขั้น ทนทุกสภาวะ และความชื้นสูง ใช้ได้ดีกับผนังภายในที่ต้องการความแตกต่างในรายละเอียด กับ คอนเซปต์สินค้าที่ว่า “Freestyle to design, worry free to use” การเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เราคาดหวังว่าสินค้าแบรนด์จระเข้ของเราจะเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยสินค้าที่ได้นำเสนอไปนั้นจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงประเด็น ซึ่งในช่วงแรกสินค้า 2 ตัวนี้คงเน้นจำหน่ายในประเทศก่อน โดยกลุ่มเป้าหมายหลักเน้นไปที่ เจ้าของบ้าน เจ้าของโครงการ และสถาปนิก
​นายศุภพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายถึงภาพรวมและการแข่งขันของตลาดรวมธุรกิจสินค้าอุปกรณ์เพื่องานก่อสร้างว่า “สำหรับปี 2559 ที่ผ่านมา ด้วยทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอาจทำให้ตลาดรวมธุรกิจวัสดุก่อสร้างไม่คึกคักเท่าที่ควร อีกทั้งในปีปัจจุบันนี้ ยังมีคู่แข่งรายใหม่ๆ เข้ามามากพอสมควร สภาวะตลาดโดยทั่วไปยังถือว่าไม่ค่อยดีมากนักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ดังนั้นจึงมีการแข่งขันในเรื่องสงครามราคามากพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม “จระเข้” ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าจะยังรักษาแชมป์ความเป็นผู้นำในตลาดไว้ได้อย่างแน่นอน”

หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด