“ความแตกต่างระหว่างความโง่เขลาและความเป็นอัจฉริยะ นั่นคือความอัจฉริยะมีขีดจำกัด” อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

                  แม้จะรู้ดีว่าความฉลาดทางเชาวน์ปัญญานั้น ไม่ใช่หลักประกันความสำเร็จในชีวิต  ถึงกระนั้นถ้าเลือกได้ใครๆ ก็ยังอยากได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีไอคิวสูงมากกว่าไอคิวต่ำ แต่ความจริงอันโหดร้าย คือ คนเราส่วนใหญ่ใช้ชีวิตโดยที่ไม่เคยรู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองนั้นฉลาดเพียงไร เนื่องจากไอคิวเป็นสิ่งที่วัดได้ยาก ยกเว้นจะไปจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านสมองดังๆ มาช่วยหาคำตอบ

                 

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่พบข้อบ่งชี้ที่น่าสนใจ 5 ข้อ ซึ่งเชื่อมโยงระดับไอคิวของคนเรากับประสบการณ์ชีวิตในช่วงแรก ซึ่งหากใครก็ตามมีคุณสมบัติหรือลักษณะตรงกับข้อใดข้อหนึ่งใน 5 ข้อด้านล่างนี้ ก็พออนุมานได้ว่าคุณมีแนวโน้มไอคิวสูง หรือพูดง่ายๆ ว่าฉลาดกว่าคนปกตินั่นเอง  

                  1.คุณเป็นพวกสายนอยด์ จอมวิตกกังวล : ถึงจะเป็นความจริงที่เชื่อได้ยาก แต่ก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า นิสัยขี้กังวลไม่ใช่เรื่องเลวร้ายซะทีเดียว  เพราะจากการศึกษาของจิตแพทย์เจเรมี คอปแลน ได้ทำการศึกษากลุ่มคนไข้โรควิตกกังวล พบว่า กลุ่มคนไข้ที่มีอาการรุนแรง และ มีระดับความกังวลสูงจะมีระดับไอคิวสูงกว่าคนไข้ที่มีอาการป่วยไม่มาก สอดคล้องกับผลงานวิจัยของ Interdisciplinary Center Herzliya จากประเทศอิสราเอล ซึ่งนักวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมที่มีความวิตกกังวลสูง จะมีสมาธิและจัดการกับงานที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าคนที่มีความวิตกกังวลน้อย

                  2.คุณเป็นเด็กที่เริ่มอ่านหนังสือได้เร็ว : จากการศึกษาของนักวิจัยในอังกฤษ ทำการเปรียบเทียบไอคิวของคู่แฝดทั้งหมด 2,000 คู่ พบว่า แม้พวกเขาจะมียีนส์เหมือนกัน แต่คู่แฝดกลุ่มที่เริ่มหัดอ่านหนังสือก่อนจะมีไอคิวสูงกว่าคู่แฝดที่เริ่มหัดอ่านหนังสือทีหลัง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ การอ่านมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาสมองของเด็ก จึงทำให้เด็กที่เริ่มอ่านหนังสือเร็วมีแนวโน้มว่ามีระดับไอคิวสูงกว่านั่นเอง

                  3.คุณเป็นคนถนัดซ้าย : มีการศึกษาพบแล้วว่า คนที่ถนัดมือซ้ายมีแนวโน้มที่จะมีระบบการคิดแบบอเนกนัย (Divergent Thinking) ซึ่งหมายความว่า สามารถเชื่อมโยงสองสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันในเชิงที่มีความหมายได้ ซึ่งคุณสมบัตินี้มักพบในเพศชายเป็นส่วนใหญ่

                  4.คุณได้เรียนดนตรีตั้งแต่เด็ก : มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า การเรียนดนตรีนั้นมีส่วนช่วยส่งเสริมทักษะทางด้านภาษาและการทำงานของสมองด้านการจัดการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมาธิและการควบคุมตนเอง จากการวิจัยของจิตแพทย์ซิลเวน โมเรโน่ ได้ทดลองนำเด็กอายุระหว่าง 4-6 ขวบ จำนวน 48 คนมาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เพื่อเข้าร่วมการฝึกโดยใช้คอมพิวเตอร์วันละ 1ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน โดยกลุ่มแรกให้เข้าห้องเรียนดนตรี ส่วนอีกกลุ่มให้เข้าห้องเรียนทัศนศิลป์ หลังจากจบการทดลอง ปรากฏว่า 90%ของเด็กกลุ่มที่เข้าเรียนดนตรีมีการพัฒนาในเรื่องภาษามากกว่าเด็กอีกกลุ่ม

                  5.คุณเป็นคนตลก : ใครจะว่าคนตลกไร้สาระไปวันๆ ไม่ได้อีกแล้ว เพราะมีงานวิจัยที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คนที่มีอารมณ์ขัน จะมีความฉลาดทางด้านภาษากับการหาเหตุผลทางนามธรรมมากกว่าคนทั่วไปอย่างมีนัย

                  อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ที่พบว่าตัวเองมีคุณสมบัติตรงกับที่กล่าวมา เพราะมีแนวโน้มว่าคุณอาจจะมีไอคิวสูงกว่าคนทั่วไป แต่ใครที่พบว่าตัวเองไม่ได้มีคุณสมบัติข้อใดตรงกับสัญญาณที่บอกมา ก็ไม่ต้องตัดพ้อในโชคชะตา เพราะอย่างที่เกริ่นตั้งแต่ต้นว่า ไอคิว ไม่ใช่เครื่องชี้วัดความสำเร็จของมนุษย์และไม่ใช่หลักประกันว่าคนที่ฉลาดที่สุด จะมีความสุขมากกว่าคนอื่นเช่นกัน เพราะฉะนั้นแทนที่จะนั่งเศร้าเพราะมีไอคิวไม่สูงเหมือนคนอื่น สู้มีความสุขกับการใช้ชีวิตดีกว่า

ขอบคุณที่มาจาก : www.forbes.com  

 บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก