ธปท.จับตาแนวโน้มหนี้เสียธนาคารพาณิชย์ หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวกระจุก แจงเกณฑ์คุมเพดานสินเชื่อส่วนบุคคลมีผลสัปดาห์หน้า คลังการันตีเอกชนไม่กังวลรัฐเตรียมใช้กฎหมายสรรพสามิตใหม่ ก.ย.นี้

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จับตาแนวโน้มหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์อย่างใกล้ชิด แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดย ธปท.ได้ปรับประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปี 2560 และ 2561 ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ยอมรับว่ายังเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่กระจายตัว มีบางกลุ่มธุรกิจยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวก่อนหน้านี้ จะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ในไตรมาส 2/2560 ที่ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง

“หนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ยังไม่น่ากังวล เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีการตั้งสำรองสูง ทำให้กำไรในไตรมาส 2/2560 ลดลง” นายวิรไทกล่าว

นายวิรไทกล่าวอีกว่า การปรับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน รวมทั้งการควบคุมสินเชื่อบัตรเครดิต จะประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์หน้า ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเซ็นเห็นชอบในหลักการไปทั้งหมดแล้ว โดยเกณฑ์ควบคุมใหม่นี้จะไม่มีผลย้อนหลังกับลูกค้าที่ขอสินเชื่อไปก่อนหน้านี้

สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาท ยืนยันว่าเงินบาทแข็งค่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ไม่ได้แข็งค่าเฉพาะค่าเงินบาท โดยปัจจัยมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง

ด้าน นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนา “การปฏิรูปภาษีสรรพสามิต : ผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจในไทย” จัดโดยหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM Thailand) ว่า กฎหมายสรรพสามิตใหม่นั้นจะช่วยส่งเสริมความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพและความเป็นธรรมต่อผู้เสียภาษี โดยในระยะแรกยังไม่ได้หวังเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษี แต่เป็นการดำเนินการเพื่อวางพื้นฐานการจัดเก็บภาษีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และชัดเจนกับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ ในส่วนกฎหมายสรรพสามิตใหม่ซึ่งใช้เวลาดำเนินการกว่า 1 ปีครึ่งนั้น ได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่าภาคเอกชนเองไม่มีความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายสรรพสามิตใหม่ที่จะออกมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการออกกฎหมายลูก ก็ได้มีการประสานแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด ซึ่งการเก็บภาษีอัตราใหม่จะไม่ส่งผลให้ภาระภาษีเพิ่มขึ้นในช่วงแรก

นางจูดี้ เบน ผู้อำนวยการบริหารหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย เปิดเผยว่า ขอชื่นชมรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการปฏิรูปภาษีสรรพสามิตให้เป็นสากล สร้างความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียม จากการเปลี่ยนฐานการเก็บภาษีจากราคาหน้าโรงงาน หรือ ราคาสำแดงนำเข้า มาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ เป็นต้น.\

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net