STARBUCKS ตอนนี้กำลังเจอปัญหาการเติบโตน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ และบริษัทยอมรับว่าตอนนี้กำลังเจอแรงกดดันอย่างหนักจาก digital disruption

ตอนนี้ร้าน STARBUCKS มีประมาณ 27,000 สาขา ใน 75 ประเทศ ทุกๆสัปดาห์ STARBUCKS จะมีลูกค้าประมาณ 90 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตที่ก้าวกระโดด จนปัจจุบันบริษัทเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่มีมูลค่าอันดับ 2 ของโลก รองจากแมคโดนัลด์

อย่างไรก็ตาม งานเลี้ยงอาจจะมีวันเลิกรา..

ยอดขายของ STARBUCKS ในอเมริกาไตรมาสที่ผ่านมาเติบโตเพียง 5% และมาจากการขึ้นราคาเครื่องดื่มเป็นหลัก ไม่ใช่จำนวนเครื่องดื่มที่ขายมากขึ้น ดูเหมือนว่าบริษัทจะไม่ได้คาดหวังการเติบโตที่อเมริกาแล้ว แต่ความหวังของบริษัทกลับเป็นประเทศที่เดิมกินแต่ชา ไม่ได้กินกาแฟ ประเทศนั้นคือประเทศ จีน..

แต่เดิม STARBUCKS ดำเนินธุรกิจในประเทศจีนผ่านการถือหุ้นบริษัท East China อยู่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นของบริษัท Uni-President ของไต้หวัน

มาวันนี้บริษัทขอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดจากบริษัทไต้หวัน เพื่อต้องการดำเนินธุรกิจเต็มตัวในประเทศจีน โดย STARBUCKS ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อหุ้นที่เหลือมากถึง 43,000 ล้านบาท

ในขณะเดียวกัน STARBUCKS ก็จะขายหุ้น 50% ของ STARBUCKS ในไต้หวัน ในราคา 5,800 ล้านบาท ให้แก่บริษัท Uni-President

แปลว่าดีลนี้ STARBUCKS ยอมทิ้งธุรกิจในไต้หวัน และโฟกัสในตลาดจีนที่ดูเหมือนจะมีช่องทางให้โตได้อีก

STARBUCKS กำลังโฟกัส..

STARBUCKS ยอมรับว่ากังวลกับปัญหา retail industry disruption ซึ่งร้านค้าปลีกในอเมริกาส่วนใหญ่เจอกัน เพราะคนเดินห้างกันน้อยลง ส่งผลให้ยอดขายตกและไม่ทำกำไร จนตอนนี้ STARBUCKS ต้องหันมาโฟกัสในตลาดที่พอจะมีช่องว่างให้โต และโฟกัสในธุรกิจหลักเท่านั้น

STARBUCKS ขายธุรกิจชา..

ในปี 2012 STARBUCKS ได้ซื้อกิจการ Teavana ซึ่งเป็นร้านเครื่องดื่มประเภท ชา ด้วยมูลค่ามากถึง 20,000 ล้านบาท แต่ปัญหาคือร้านนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้าง ซึ่งตอนนี้คนเดินห้างน้อยลง และธุรกิจนี้เริ่มไม่ทำกำไรอีกต่อไป..

จากเดิมที่ธุรกิจนี้มีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน แต่ตอนนี้อาจจะเหลือ 0 เพราะ STARBUCKS ประกาศว่าจะเลิกกิจการทั้ง 378 สาขาของ Teavana

คู่แข่งของ STARBUCKS เกิดขึ้นเรื่อยๆ..

ขณะเดียวกันในประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็มีร้านกาแฟที่เป็นแนวคาเฟ่เกิดขึ้นใหม่ที่จะมาเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค

ผมได้ไปประเทศเกาหลีในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา พบว่ามีร้านกาแฟที่เป็นแนวใหม่ๆเกิดขึ้นทั่วทั้งเมือง และบรรยากาศน่านั่งไม่แพ้ STARBUCKS

น่าแปลกใจที่ว่า หลังจากได้ลองสำรวจดู ร้าน STARBUCKS กลับมีลูกค้าน้อยกว่า ร้านกาแฟโนเนมเสียอีก ซึ่งอาจเป็นเพราะ STARBUCKS ทุกๆสาขาก็เป็นรูปแบบเดิมๆ ต่างจาก ร้านกาแฟ local ที่มีเมนูพิเศษ และการตกแต่งเฉพาะของร้านนั้น

กลับมาที่เมืองไทย ตอนนี้ STARBUCKS อาจจะเป็นผู้นำในเรื่องร้านกาแฟในประเทศไทยอยู่ แต่ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตจะมีผู้ประกอบการร้านกาแฟหน้าใหม่ที่มีการตกแต่งร้าน รสชาติกาแฟถูกใจผู้บริโภค (ซึ่งก็เริ่มเห็นบ้างแล้ว) และร้านเหล่านั้นก็จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งจากลูกค้าเดิมของ STARBUCKS

หุ้น STARBUCKS แพ้ตลาด..

ที่ผ่านมาหุ้น STARBUCKS ถูกซื้อขายกันที่ราคาพรีเมียมมาโดยตลอด เพราะบริษัทมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้ตลาดเริ่มกังวลว่า STARBUCKS อาจจะไม่ได้เติบโตเหมือนในอดีตที่ผ่านมาแล้ว ผลลัพธ์ก็คือ หลังประกาศผลประกอบการ หุ้น STARBUCKS ตกลงไปถึง 9.2% ภายในวันเดียว

STARBUCKS เป็นหุ้นที่จดทะเบียนอยู่ในตลาด Nasdaq ใครที่ซื้อหุ้น STARBUCKS ไปเมื่อต้นปี จนถึงตอนนี้เขาจะขาดทุนไป -2.7% คนละเรื่องกับดัชนีตลาด Nasdaq ที่ตั้งแต่ต้นปีบวกไปแล้ว 18.4%

และใครซื้อหุ้น STARBUCKS ไปตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ปัจจุบันคนนั้นยังไม่ได้กำไรจากหุ้น STARBUCKS เลย เพราะ ราคาหุ้นลดลงไป -7.0% เมื่อเทียบกับราคาหุ้นใน 2 ปีที่แล้ว

สุดท้ายอาจจะยังไม่แน่ว่าตอนนี้ธุรกิจ STARBUCKS จะอิ่มตัวแล้วหรือยัง แต่ที่แน่ๆราคาหุ้นของ STARBUCKS น่าจะอิ่มตัวไปตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว..

ขอบคุณข้อมูลจาก longtunman.com