นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง  เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560 - 2564) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อพัฒนาตลาดทุนไทยให้สามารถ แข่งขัน เชื่อมโยงกับตลาดทุนโลก พร้อมสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน  โดยมี 5 มาตรการหลัก

  1. การเป็นแหล่งทุนสำหรับ SMEs และนวัตกรรม
  2. เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น การเพิ่มรูปแบบการระดมทุนให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมลงทุนกับภาครัฐ (Public Private Partnership: PPP)
  3. เพิ่มความสามารถการแข่งขันตลาดทุนไทย  อาทิ แก้ไขกฎหมาย-กฎเกณฑ์เพิ่มความคล่องตัวและลดต้นทุนให้ผู้ประกอบธุรกิจใน-ต่างประเทศ  /เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนรองรับรูปแบบที่ใช้เทคโนโลยีมาเป็นช่องทางให้บริการทางการเงิน /ยกระดับความน่าเชื่อถือ โครงสร้างและการตัดสินใจของ ตลท. รองรับมาตรฐานสากล /พัฒนาบุคลากรในตลาดทุน
  4. พัฒนา ตลท. เป็นจุดเชื่อมโยงของภูมิภาค โดยส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแข่งขัน มีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมรองรับการลงทุนสำคัญสำหรับนักลงทุนทั่วโลกที่
  5. แผนรองรับสังคมผู้สูงอายุ ได้แก่ กำหนดนโยบายระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุพร้อมระบบทะเบียนกลางด้านบำเหน็จบำนาญของประเทศ /จัดระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับสำหรับแรงงานในระบบ /พัฒนาความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐานของไทย / ตั้งกฎหมายรองรับธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

 

        ทั้งนี้ตามแผนดังกล่าว ในระยะ 5 ปีข้างหน้า รัฐบาลคาดว่าตลาดทุนจะเป็นกลไกสำคัญของภาครัฐและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่สามารถเข้าถึงตลาดทุนได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจมีแรงขับเคลื่อนพร้อมแข่งขันกับตลาดโลก

         และตลท.จะเป็นแหล่งลงทุนของประเทศ CLMV ให้กับนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติได้หลากหลายสกุลเงินและรูปแบบสินทรัพย์ตามความต้องการของตลาด พร้อมแข่งขันกับตลาดทุนชั้นนำในภูมิภาค โดยเป้าหมายจะพัฒนาให้มูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์คิดเป็น 1.5 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และมีมูลค่าตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนคิดเป็น 0.25 เท่าของ GDP