การมาถึงของระบบคมนาคมที่มีการยกระดับแบบก้าวกระโดด ทำให้ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การพัฒนา Urban Transition ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสารพัดสี, การพัฒนาทางด่วน, การเชื่อมโยงข้ามระบบขนส่งรถ-เรือ-ราง เรียกว่าไม่ว่ารูปแบบใด ส่งให้การขยายตัวของเมืองขยับตัวออกไปเรื่อยๆ เส้นบางๆ ระหว่างชานเมืองและตัวเมืองเลือนรางไปทุกปี หลายย่านแปรเปลี่ยนเป็นทำเลศักยภาพที่ผู้อยู่อาศัยเข้าไปยึดพื้นที่ เพราะหมดกังวลเรื่องการเดินทาง หนึ่งในทำเลที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ ‘ปิ่นเกล้า–เพชรเกษม’

 

ทำเลศักยภาพ เชื่อมโยงหลากเส้นทางสู่ปลายทางง่ายดาย

               ปิ่นเกล้า–เพชรเกษม บนถนนกาญจนาภิเษก เป็นอีกทำเลน่าจับตาที่คนมองการณ์ไกลต้องมองเห็น เพราะมีหลายปัจจัยส่งให้กลายเป็นทำเลศักยภาพ โดยเฉพาะเส้นทางที่เชื่อมโยงการเดินทางไปสู่ตัวเมืองและอีกหลายเส้นทางได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นจะเข้าสู่ใจกลางย่านธุรกิจอย่างง่ายดายในโซนเยาวราชสัมพันธวงศ์ด้วยเส้นทางเพชรเกษมและสะพานพุทธ / การขึ้นวงแหวนตะวันตกเพื่อข้ามไปอีกฟากฝั่งของเมือง / อีกทั้งยังเชื่อมต่อเข้าสู่ถนนปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี / ใกล้จุดขึ้น-ลงทางยกระดับ-ปิ่นเกล้าบรมราชชนนี / เชื่อมสู่สะพานพระปิ่นเกล้าและสะพานพระราม 8 / รวมถึงสามารถเดินทางไปยังศูนย์กลางธุรกิจขนาดใหญ่ สมุทรสาครและนครปฐม ด้วยเส้นทางพระราม 2 เอกชัย

อีกขั้นของอินเตอร์เชนจ์ฮับแห่งใหม่ฝั่งตะวันตก

แต่ความน่าสนใจที่พลิกโฉมทำเลนี้มากที่สุด คงไม่พ้นการเป็นทำเลที่อยู่บนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ท่าพระ-บางแค) คาดว่าเปิดให้บริการได้ในปี 2561 ที่จะเชื่อมต่อสถานีบางซื่อ-ท่าพระ-หัวลำโพง-หลักสอง เป็นเส้นทางลูปใหญ่ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในฝั่งตะวันตกให้กลายเป็นอินเตอร์เชนจ์กับรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ซึ่งเป็นการเติมเต็มรถไฟฟ้าในอนาคตให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

               แม้จะอยู่ในระหว่างการก่อสร้างก็ตามที แต่ความฮอตของทำเลก็กลายเป็นแรงดึงดูดให้ความเจริญเข้ามาในพื้นที่นี้เป็นเท่าทวี ตลอดจนผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามา พร้อมกับวิถีการเดินทางและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอีกระดับ นั่นเพราะรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่คาดว่าจะเปิดให้บริการนี้นั้น จะเอื้อประโยชน์ต่อคนฝั่งธนบุรีอย่างมาก เนื่องจากเส้นทางส่วนต่อขยายนั้นพาดผ่านย่านสำคัญของฝั่งธนบุรีทั้งหมด อย่างจรัญสนิทวงศ์, ปิ่นเกล้า ไปจนถึงแนวเส้นถนนเพชรเกษม

               ทำให้สามารถย่นระยะเวลาการเดินทางเข้าสู่แหล่งงานในเมืองชั้นในที่เป็นย่านสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บางแค, ท่าพระ, บางซื่อ ไปจนถึงย่านใจกลางเมืองอย่างศูนย์วัฒนธรรมฯ, สุขุมวิท, เพชรบุรี จากเดิมที่ใช้รถยนต์เพื่อเข้าเมืองต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หากใช้รถไฟฟ้าจะเหลือเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น

แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับการเดินทาง

                 ไม่เพียงแต่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเท่านั้น ทำเลปิ่นเกล้า–เพชรเกษม ยังจะได้อานิสงส์เต็มๆ จากโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกฯ ที่ได้มีมติอนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ดำเนินการเป็นระยะทาง 18.7 กม. วงเงินลงทุนรวม 31,244 ล้านบาท และมีกำหนดเปิดบริการ มี.ค. 2564

เส้นทางของโครงการจะมีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับโครงการทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี - ปากท่อ) ถนนพระรามที่ 2 เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร ซ้อนทับตามแนวเกาะกลางของถนนพระรามที่ 2 จนถึงด่านเก็บค่าผ่านทางดาวคะนอง จากนั้นซ้อนทับบนทางพิเศษเฉลิมมหานครถึงบริเวณถนนพระรามที่ 3 ใกล้กับทางแยกต่างระดับบางโคล่ เป็นจุดสิ้นสุดโครงการ โดยเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช

                  ประโยชน์มหาศาลหลังจากโครงการนี้เปิดให้ จะช่วยรองรับการเดินทางระหว่างพื้นที่ชั้นนอกและพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ แบ่งเบาปัญหาจราจรติดขัดบนถนนพระรามที่ 2 ช่วงดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกฯ และทางพิเศษเฉลิมมหานคร ช่วงบางโคล่-ดาวคะนอง เพื่อเป็นเส้นทางการเดินทางและขนส่งสินค้า อีกทั้งเป็นเส้นทางทดแทนกรณีปิดซ่อมบำรุงสะพานพระราม 9

โครงการปรับปรุงเส้นทาง เต็มเติมให้ทุกเส้นทางไปเร็วกว่าเคย

                  นอกจากสองเมกะโปรเจ็คต์ของภาครัฐที่กล่าวไปแล้ว ยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินตามแผนการแก้ไขปัญหาการจราจรฝั่งธนบุรี เพื่อมาแบ่งเบาความหนาแน่นของท้องถนนฝั่งธนบุรี ประกอบด้วย

  • โครงการต่อขยายสะพานอรุณอมรินทร์พร้อมทางขึ้นและลง และทางยกระดับข้ามแยกศิริราช ขยายสะพานอรุณอมรินทร์จาก 4 ช่องเป็น 6 ช่องจราจร และสร้างทางยกระดับขนาด 2 ช่องจราจร โดย จะเสร็จสิ้นในปี 2561
  • โครงการก่อสร้างขยายผิวจราจรของถนนสุทธาวาสและสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ ขยายช่องจราจรของถนนสุทธาวาสเดิมช่วงจากถนนอิสรภาพถึงถนนจรัญสนิทวงศ์จาก 2 ช่องเป็น 4 ช่องจราจร และถนนเลียบทางรถไฟ จากเดิม 2 ช่องเป็น 4 จราจร คาดว่าจะเสร็จสิ้นปี 2560 นี้
  • งานปรับปรุงโครงข่ายถนนริมคลองบางกอกน้อยและบริเวณหน้าสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช และทำการขุดคลองคูเมือง (คลองนครบาล) เดิม ให้เชื่อมต่อกับคลองบางกอกน้อยพร้อมสร้างประตูระบายน้ำ ซึ่งมีการดำเนินการแล้วกว่า 80%
  • โครงการต่อเชื่อมสะพานพระราม 8 กับถนนพรานนก - ถนนพุทธมณฑลสาย 4 โดยจะมีทางเชื่อมกับทางยกระดับบรมราชชนนี และทางขึ้น-ลงจากถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งอยู่ในระหว่างออกแบบรายละเอียดโครงการ 

กรานาดา ปิ่นเกล้า–เพชรเกษม เอกสิทธิ์แห่งชีวิตหรูหราสมบูรณ์แบบ

                   องค์ประกอบมากมายที่มารวมตัวกันในฝั่งตะวันตกอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้ ปิ่นเกล้า–เพชรเกษม เป็นหนึ่งในทำเลน่าอยู่ น่าจับจอง โดยมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หันมาให้ความสนใจทั้งค่ายเล็ก-ใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ SC ASSET ค่ายอสังหาริมทรัพย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการระดับพรี่เมี่ยม ที่สานต่อประสบการณ์การสร้างที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ รังสรรค์ กรานาดา ปิ่นเกล้า–เพชรเกษม (Granada Pinklao-Petchkasem) โครงการแนวราบระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ กับนวัตกรรมการออกแบบสไตล์ Classical Simplicity มอบความหรูหราสมบูรณ์แบบ ท่ามกลางสังคมส่วนตัวระดับเอ็กซ์คลูซีฟ เพราะทั้งโครงการมีเพียง 36 หลังเท่านั้น! เพื่อเอกสิทธิ์เฉพาะผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง

                     กรานาดา ปิ่นเกล้า–เพชรเกษม เป็นโครงการที่ 2 ของ SC ASSET ภายใต้แบรนด์กรานาดา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 36 ไร่เศษ ริมถนนกาญจนาภิเษก วงแหวนตะวันตก เป็นคฤหาสน์สุดหรูบนทำเลศักยภาพติดถนนใหญ่กาญจนาภิเษก ใกล้สิ่งอำนวยควาสะดวกมากมาย อาทิ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางแค, Paseo Park กาญจนาภิเษก สามารถเชื่อมต่อใจกลางเมืองธุรกิจโซนเยาวราชสัมพันธวงศ์ ด้วยถนนเพชรเกษมและสะพานพุทธ อีกทั้งยังเข้าสู่ถนนหลักได้หลายเส้นทาง ด้วยถนนตัดใหม่พรานนก-พุทธมณฑลสาย4 และทางด่วนศรีรัช – วงแหวนรอบนอกฯ ใกล้จุดเชื่อมต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพียง 500 เมตร

พิถีพิถันทุกรายละเอียดและความปลอดภัยสูงสุด

 

                  ภายในโครงการออกแบบมาให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศการอยู่อาศัยตั้งแต่ก้าวแรก ไปพร้อมกับการพักผ่อนสุดคลาสสิก บนความเรียบหรูผสานความร่มรื่น พร้อมสถานที่ให้คุณสังสรรค์กับแขกคนสำคัญด้วย LUXURY CLASSICAL CLUBHOUSE

                  ตัวคฤหาสน์ได้รับการรังสรรค์ด้วยความประณีต ผ่านการเลือกสรรอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียดของการออกแบบเพื่อประสบการณ์การใช้ชีวิตสุดปราณีต ต้อนรับทุกความโอ่อ่าด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่พิเศษ เริ่มต้นที่ 685-786 ตร.ม. เพิ่มพื้นที่ให้ได้พักผ่อนอย่างลงตัว

                  ทุกหลังมาพร้อมการพักผ่อนสุดไพรเวตยิ่งกว่า ด้วยสระว่ายน้ำส่วนตัวพร้อมจากุซซี่ และพื้นที่รองรับห้องนอนชั้นล่าง เพื่อความสะดวกสบาย ภายในบ้านประกอบไปด้วย 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน ส่วนทานอาหาร และ Pantry ครัวไทยแยกส่วน กับโซน Maid Plaza สำหรับแม่บ้านจำนวน 2 ห้องพร้อมห้องน้ำส่วนตัว ที่จอดรถในร่ม 3 คัน

                 เหนือสิ่งอื่นใด คือความปลอดภัยระดับสูง ตั้งแต่หน้าโครงการกับ Double Security System พร้อม Double Gate แยกอาณาเขต Guest Area สำหรับผู้มาเยือน และ Residential Area ผู้พักอาศัยอย่างเป็นสัดส่วนควบคุมการเข้า-ออก ด้วยระบบ Access Card Control ติดตั้งกล้อง CCTV ทั่วโครงการ และในอาคารติดตั้งสัญญาณกันขโมยแบบ Magnetic และ Shock Sensor ประตูหน้าต่างทุกบาน โดยจะแจ้งเตือนเจ้าของบ้าน รวมถึงรั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจตราเข้มงวด เพื่อความอุ่นใจสูงสุด ทั้งหมดนี้เริ่มต้นที่ 50-100 ล้านบาท

                 ลงทะเบียนเพื่อรับเอกสิทธิ์พิเศษคลิก https://goo.gl/k8Wxij หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อชมโครงการได้ที่ 089-203-0033 หรือ Line : @gdpp สำนักงานขายเปิดทุกวัน เวลา 9.00-18.00น.

ขอบคุณข้อมูลจาก www.scasset.com