นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มองว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อบ้าน ตั้งแต่ปี 2560 จะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ภาวะ New Normal  ซึ่งหลังจากนี้จะเห็นอัตราการเติบโตของตลาดอสังหาฯ อยู่ในกรอบตัวเลข 1 หลักเท่านั้น สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ทำให้ตลาดอสังหาฯจะเติบอย่างยั่งยืนในอนาคต  หลังจากช่วงที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯ เติบโตก้าวกระโดดเป็นตัวเลข2หลัก ตามมาตรการกระตุ้นของภาครัฐทำให้เกิดความต้องการเทียม

        โดยปัจจัยหลักส่วนใหญ่ที่ทำให้ภาคอสังหาฯเข้าสู่ภาวะ New Normal   มาจาก บริษัทอสังหาฯไทยมีการร่วมทุนกับต่างชาติมากขึ้น ทำให้สามารถขยายตลาดไปสู่นักลงทุนชาวต่างชาติมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนชาวไทยก็ลดการซื้อทำกำไรลง ลดความเสี่ยงปัญหาฟองสบู่ภาคอสังหาฯ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังปัจจัยลบที่เกิดจากภาคธุรกิจเองที่ผู้พัฒนาอสังหาฯหลายรายเลือกที่จะเปิดตัวโครงการตามความต้องการของตลาด อย่างค่อยเป็นค่อยไป ลดการขายอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะมีผลกระทบไปสู่ภาคธนาคารที่จะปล่อยสินเชื่อได้ลดลงตามตลาดบ้านใหม่ที่ขยายตัวช้า ในขณะเดียวกันธนาคารก็ต้องรองรับความต้องการสินเชื่อใหม่จากลูกค้ากลุ่ม Gen Y ที่ปัจจุบันยังมีขาดวินัยการเงิน มีภาระหนี้มาก ทำให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อได้ลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านและคอนโดมิเนียมที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท

        ทั้งนี้ด้วยการแข่งขันของธนาคารที่เร่งจัดโปรโมชั่นลดอัตราดอกเบี้ยถูก พร้อมของพรีเมี่ยม ประกอบกับสต๊อกอสังหาฯสะสมทำให้หลายโครงการลดราคาเพื่อชิงลูกค้ากันอย่างดุเดือด  ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทองของผู้บริโภคที่อยากซื้อที่อยู่อาศัย จะต้องรีบตัดสินใจ ซื้อก่อนที่ภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัว และส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยกลับมาสูงอีกครั้ง

         สำหรับแนวโน้มสินเชื่อบ้านปีนี้ มองว่า ภาพรวมสินเชื่อใหม่ทั้งปี จะติดลบ2% คิดเป็นมูลค่า 5.73 แสนล้านบาท ส่วนยอดสินเชื่อคงค้าง อยู่ที่ราว 3,516 ล้านบาท เติบโต 5.81% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในช่วงไตรมาส2/60 อยู่ที่ 3.06% ซึ่งอัตราNPL ที่ลดลงจะส่งผลดีต่อการปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้

         ส่วนผลประกอบการของกรุงศรี ในช่วงครึ่งแรกของปี60  มียอดสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 25,000 ล้านบาท เป็นยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 2.04 แสนล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้ ยอดสินเชื่อคงค้างจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.17แสนล้านบาท ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับที่ 2.4% โดยกรุงศรีจะเน้นกลยุทธ์ด้านบริการ โดยนำรูปแบบบริการสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า ‘Omotenashi’ มาประยุกต์ใช้ และเน้นการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อ อย่างแท้จริง