ถ้าโลกนี้ง่ายกว่าที่คิด ไม่ว่าใครอยากเป็นอะไรก็ก้าวไปสู่ฝันได้ดั่งใจ คงไม่มีคำว่า “ผิดหวัง” แต่ในเมื่อโลกแห่งค;kมป็นจริงไม่สวยหวานเหมือนในนิยาย ไม่ว่าวงการไหนย่อมมีผู้พิชิต หรือ ผู้ที่พ่ายแพ้เป็นได้แค่เหล่า Wanna Be คือ ทำได้แค่อยากไปให้ถึง  

         ในยุคที่ใครก็จ้องแต่จะเขียนใบลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน หันไปสร้างตัว สวมสเตตัสใหม่ด้วยการเป็นผู้ประกอบการ  หรือ ที่เรียกโก้ๆเป็นภาษาอังกฤษว่า Entrepreneur ถึงจะมีคนจำนวนไม่น้อย ทำสำเร็จ แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่เป็นได้แค่ Wantrepreneur หรือพวกที่อยากจะเป็นผู้ประกอบการอย่างใครๆ แต่อยู่ในช่วงกลับไม่ได้ไปไม่ถึงฝัน เหตุผลใหญ่เป็นเพราะเป้าหมายในใจที่จะไปสู่การเป็นผู้ประกอบการนั้น อยู่แค่การอยากมีรถ มีบ้าน มีไลฟสไตล์เก๋ๆแบบวิถีสตาร์ทอัพ ขอแค่ได้ทะยานไปแตะขอบฝั่งแต่ไม่ได้หวังเติบโตในธุรกิจอย่างแท้จริง

         ใครที่กำลังสันสนว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงไหน หรือ ไม่อยากหยุดอยู่แค่การเป็น Wantrepreneur หนทางอยู่ข้างหน้าแล้ว ขอแค่สลัดตัวเองให้พันจากกับดักแล้วก้าวต่อไป

         1.แพชชั่นจากใจหรือแค่ลมปาก “แพชชั่น” อาจดูเป็นคำเก๋ๆ ที่คนยุคนี้ใช้นิยามถึงจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจ แต่ใช่ว่าแพชชั่นที่หลายคนพูดถึงจะเป็นกุญแจไปสู่ความสำเร็จอย่างที่พูด ลองถามตัวเองเล่นๆว่า “ถ้าคุณมีเวลาและเงินทองมหาศาลคุณจะยอมทุ่มเทเวลาและเงินที่มีให้กับการสร้างธุรกิจหรือไม่?” ถ้าคำตอบคือ ไม่ คุณก็อย่าฝืนไปต่อในเส้นทางที่ไม่ใช่เลย เพราะการทำธุรกิจนอกจากต้องเริ่มจากแพชชั่นที่แรงกล้าแล้ว  คุณยังต้องส่งแพชชั่นนั้นไปถึงนักลงทุน คู่ค้า พนักงาน และลูกค้า ให้เชื่อในสิ่งที่คุณเชื่อและวิสัยทัศน์ของคุณ

         

เพราะฉะนั้น หัวใจของการก้าวไปสู่ Entrepreneur คือ ต้องมีแพชชั่นที่แรงกล้ามีเป้าหมายในการสร้างธุรกิจ ไม่ใช่ฝันแค่อยากได้ชื่อว่าเป็น entrepreneur

         2.ลงมือทำแทนที่จะพร่ำบ่นไม่เลิก Entrepreneur มักเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาลงมือทำ ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นจิ๊กซอร์ที่เล็กแค่ไหนในธุรกิจ ที่สำคัญพวกเขาพกพาหัวใจที่แข็งแกร่ง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคหรือความล้มเหลวที่แวะเข้ามาทักทาย พวกเขาพร้อมที่จะสู้ยิบตา ขณะที่ Wantrepreneur เลือกแต่จะจ้องหาข้ออ้างหรือพร่ำบ่นกับสิ่งที่ทำ เมื่อต้องพบกับอุปสรรค และ พร้อมจะยกธงขาวทุกเมื่อ

         3.เป้าหมายคือ การเป็นที่หนึ่ง หรือ เป็นเศรษฐี เมื่อคิดจะเรียกตัวเองว่าเป็น Entrepreneur สิ่งที่พวกเขาคิดตลอดเวลาคือ ทำอย่างไรจะเป็นที่ 1 ในวงการ สร้างชื่อให้โลกได้จารึก เงินอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดแต่ควาสำเร็จในเป้าหมายต่างหากคือรางวัลของชีวิต ขณะที่เป้าหมายเดียวของเหล่า Wantrepreneur คือ ทำงานเพื่อเงินเท่านั้น

         4.ทำงานหรือสร้างภาพแยกให้ชัด ในขณะที่ Entrepreneur ทุ่มเทเวลาและพลังกายทั้งหมดเพื่อสร้างธุรกิจพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จ พวกเขาไม่นั่งรอฟ้าบันดาล ถ้าขาดทุนทรัพย์ก็ไม่รีรอที่จะหาวิธีระดมทุนหรือหาทุนทรัพย์เพื่อให้ได้เริ่มลงมือทำธุรกิจ ในขณะที่ Wantrepreneur กลับทุ่มเทเวลาเพื่อหาทางลัดและเสียพลังงานไปกับการทำให้คนอื่นเชื่อว่าตัวเองมาถึงเส้นชัยแห่งควาสำเร็จแล้ว ที่สำคัญพวกเขาจะไม่ออกสตาร์ทจนกว่าจะมีสปอนเซอร์เงินทุนให้มากพอเท่าที่คิด

         5.รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง เรื่องความใจถึง ไม่เข้าถ้ำเสือไม่ได้ลูกเสือ ต้องยกให้เหล่า Entrepreneur ในโลกธุรกิจพวกเขาพร้อมเทหมดหน้าตัก เพราะเชื่อในแพชชั่นของตัวเอง ขณะที่ Wantrepreneur กลับเลือกที่จะเป็นพวกไม่กล้าความเสี่ยง เพราะกลัวที่จะต้องเสีย จึงไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ

         6.สิ่งที่ “ใช่”บางครั้งก็ไม่ได้เริ่มต้นจากสิ่งที่ดีที่สุด ข้อสังเกตง่ายๆระหว่าง สองกลุ่มนี้คือ Entrepreneur จะไม่ใจเย็นเพื่อนั่งกอดอกรอไอเดียที่ดีที่สุด เพอร์เฟคที่สุดแล้วค่อยลงมือทำ เพราะเขารู้ดีว่า สูตรสำเร็จในการทำธุรกิจไม่มี บางครั้งไอเดียดีๆก็เกิดขึ้นจากการมองเห็นช่องโหว่หรือสิ่งที่ยังขาด ขณะที่เหล่า Wantrepreneur  มักสวมบทเพอร์เฟตชั่นนิสต์ที่รอไอเดียที่ดี่สุดเท่านั้น หรือ บางครั้งก็แปลงร่างเป็นนักฉวยโอกาส รอรวยลัดจากการทำธุรกิจที่ผูกติดกับเทรนด์ของสังคม

ขอบคุณที่มา : www.entrepreneur.com และ www.lifehack.org

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก