หลายคนคงคุ้นเคยกับสองคำนี้ดีทั้ง เงินสด หรือ ผ่อนจ่าย เพราะนี่คือรูปแบบการจ่ายค่าสินค้าหรือบริการที่เป็นที่นิยม แต่ว่าหลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าการ จ่ายด้วยเงินสดหรือผ่อนจ่ายนั้นมีข้อแตกต่างกันอย่างไรและมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เพิ่มเติมอย่างไรบ้าง วันนี้ MoneyGuru.co.th จะมาแนะนำให้รู้กัน โดยเฉพาะน้องๆ ที่พึ่งเริ่มทำงานและเริ่มมีบัตรเครดิตใบแรกยิ่งควรทำความเข้าใจให้ดีเลยนะ ไม่อย่างนั้นจะเป็นหนี้เอาได้อย่างง่ายๆ เลยทีเดียว


จ่ายเงินสด


การจ่ายเงินสด คือ การที่เราชำระค่าสินค้าหรือบริการทั้งหมดด้วยเงินสดทันที วิธีนี้จะทำให้เราไม่มีเงื่อนไขอื่นๆ ตามมาหลังจากจบการซื้อขาย แต่ก็ต้องแลกกับการที่เราต้องมีเงินจ่ายทั้งหมดในทีเดียว ซึ่งหากเป็นสินค้าที่ราคาไม่สูงมากก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่หากเป็นของที่มีราคาสูงๆ เช่น บ้าน รถยนต์ เป็นต้น กว่าเราจะเก็บเงินได้ครบก็ต้องใช้เวลานาน ซึ่งหากเป็นสินค้าที่มีราคาสูงนี้ การผ่อนจ่ายจะได้รับความนิยมกว่าเพราะจะค่อยๆ ผ่อนจ่ายไปได้นั่นเอง


ข้อดีของการจ่ายด้วยเงินสด

ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมา จ่ายเพียงค่าสินค้าหรือบริการเท่านั้น
- ไม่มีดอกเบี้ยเพราะจ่ายค่าสินค้าหรือบริการครบถ้วนตั้งแต่ตอนซื้อ
- ไม่มีปัญหาเกินกำหนดระยะเวลาในการผ่อน
- ไม่จำเป็นต้องรอโปรโมชั่นผ่อน เพราะขอแค่เรามีเงินครบก็ซื้อได้เลยทันที
- ได้รับส่วนลดพิเศษจากร้านค้า ในกรณีที่ร้านค้ามีโปรโมชั่นกับลูกค้าที่จ่ายด้วยเงินสด เช่น รับส่วนลด 200 บาททันที เมื่อจ่ายค่าสินค้าด้วยเงินสดที่ร้าน... เป็นต้น
- สามารถรู้ได้ว่าเรามีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่ เรื่องเป็นหนี้จึงน้อยลงเพราะว่าหลังจากซื้อสินค้า เงินจะออกจากเราไปทันทีทำให้เราเห็นได้ทันทีว่าเรามีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่ ควรแบ่งใช้อย่างไรเพื่อให้อยู่ได้ครบเดือน


ข้อเสียของการจ่ายด้วยเงินสด


- ต้องมีเงินให้ครบตามจำนวนราคาของสิ่งของที่ต้องการซื้อก่อนจึงจะสามารถซื้อได้ ซึ่งบางครั้งกว่าจะเก็บเงินเพื่อมาซื้อของได้ครบก็ใช้เวลาหลายเดือน
- ไม่ได้รับสิทธิพิเศษบางอย่างจากโปรโมชั่นร้านค้า เช่น ส่วนลดค่าอาหาร 20% เมื่อชำระด้วยบัตร..... เป็นต้น
- หลังจากซื้อสินค้าไปแล้วเงินที่มีอยู่ของเราจะหมดไปทันที ทำให้บางครั้งเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วเงินเราไม่พออาจจะทำให้เราเป็นหนี้ได้
- การใช้จ่ายเงินสดจะไม่ถูกบันทึกไว้ในเครดิตบูโร ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคต จะต้องมีการใช้เอกสารยืนยันสถานะทางการเงินมากขึ้นไปด้วย


การผ่อนจ่าย


การผ่อนจ่าย คือ การทำสัญญาว่าเราจะจ่ายค่าสินค้าหรือบริการเป็นงวดๆ โดยมักจะมีการคิดดอกเบี้ยตามมาเสมอ สินค้าที่มีราคาสูงมากเช่น บ้าน รถยนต์ เป็นต้น ก็จะใช้การผ่อนจ่ายเป็นหลัก ข้อดีสุดของการผ่อนจ่ายคือเราไม่จำเป็นต้องมีเงินครบตามจำนวนราคาสินค้าเราก็มีสิทธิ์ซื้อสินค้าได้ขอแค่วงเงินในบัตรเราถึงก็พอ ซึ่งส่วนใหญ่การผ่อนจ่ายนี้มักจะมาควบคู่กับบัตรเครดิตทำให้ความเสี่ยงของการเป็นหนี้ค่อนข้างสูงหากเราใช้อย่างไม่ระวัง


ข้อดีของการผ่อนจ่าย

ไม่ต้องมีเงินให้ครบตามจำนวนราคาของสิ่งของก็ซื้อได้ ขอแค่มีบัตรเครดิตหรือมีโปรโมชั่นผ่อน
- ได้รับสิทธิพิเศษจากโปรโมชั่นร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ เช่น ส่วนลดค่าสินค้า 15% เมื่อชำระด้วยบัตร..... เป็นต้น
- สามารถนำเงินมาเก็บสำรองไว้เผื่อในกรณีฉุกเฉินได้
- แบ่งจ่ายได้หลายเดือน รวมถึงมีโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% ทำให้เราไม่ต้องแบกรับภาระการจ่ายค่าสินค้าทั้งหมดในทีเดียว
- การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะถูกบันทึกไว้ในเครดิตบูโร หากเรามีประวัติที่ดีการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น กู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถ เป็นต้น ในอนาคตก็จะมีโอกาสมากขึ้นตามไปด้วย

ข้อเสียของการผ่อนจ่าย


จำเป็นต้องรอโปรโมชั่นผ่อนจากทางร้านค้า และร้านอาจจะไม่มีในส่วนนี้
- มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมา เช่น ค่ารูดบัตร ดอกเบี้ย เป็นต้น
- มีปัญหาเรื่องระยะกำหนดเวลาในการผ่อน หากเกินเวลาเราก็จะโดนปรับ
- ต้องหมั่นคอยเช็คยอดในบัตรเรื่อยๆ เพราะหากใช้มากไปอาจจะมีผลทำให้เงินเดือนที่เราได้รับถูกหักไปผ่อนสินค้าหมด จนทำให้เราไม่มีใช้ได้เลยทีเดียว
- ไม่ได้รับส่วนลดพิเศษจากร้านค้า ในกรณีที่ร้านค้ามีโปรโมชั่นกับลูกค้าที่จ่ายด้วยเงินสด เช่น รับของแถมมูลค่า 200 บาททันที เมื่อจ่ายค่าสินค้าด้วยเงินสดที่ร้าน... เป็นต้น

การซื้อของด้วยเงินสดนั้นถือว่าสะดวกและจบปัญหาเรื่องเป็นหนี้ได้อย่างง่ายที่สุด แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายด้วยเงินสดทุกครั้งไป เราควรตรวจสอบเงินของเรา ราคาของสินค้าที่จะซื้อ และโปรโมชั่นของสินค้านั้นๆ หากทางร้านที่เราจะไปซื้อนั้นมีโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่เรามีอยู่ เราก็สามารถใช้บัตรเครดิตรูดซื้อก่อน แล้วพอสิ้นเดือนค่อยนำเงินสดไปชำระครบตามจำนวนก็ได้ แค่นี้ก็เหมือนเราจ่ายเงินสดแถมได้รับโปรโมชั่นของบัตรอีกต่างหาก แต่ขอให้พิจารณาก่อนการซื้อของทุกครั้ง เพราะว่าทั้งการจ่ายด้วยเงินสดหรือการผ่อนจ่ายก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป เพียงแต่เราต้องเลือกใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ของเราให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ของตัวเราเองครับ

ขอบคุณข้อมูล จาก :MoneyGuru.co.th