เมื่ออายุมากขึ้นหลายคนเริ่มตระหนักถึงคุณค่าของเวลาในชีวิตที่ไม่ได้มีมากมายให้ใช้ฟุ่มเฟื่อยเพราะเมื่อใช้ไปแล้วไม่สามารถหามาเพิ่มได้

         ทว่า หลายครั้งที่คนเรายังเผลอปล่อยให้ชีวิตเสียเวลาไปกับความคิดลบๆ ที่บั่นทอนจิตใจ มัวแต่กังวลกับอนาคตที่ยังไม่เกิด ครุ่นคิดกับอดีตที่ผ่านมาแล้ว เอาตัวเองไปผูกติดกับเรื่องราวที่ชวนให้ไม่สบายใจ โดยหารู้ไม่ว่า การเอาใจไปผูกกับความคิดลบๆ เหล่านี้ ไม่ต่างกับการผลักไสให้ตัวเองถอยห่างจากความสุข แต่ยังดูดพลังชีวิต พาลให้ละเลยสิ่งสำคัญในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย

         ข่าวดีคือ แม้ว่าคุณจะเสียเวลาในชีวิตที่ไม่อาจเรียกกลับคืนไปกับความคิดลบๆ แต่ยังไม่สาย หากจะเริ่มฝึกจิตใจให้แข็งแกร่ง ขจัดความคิดลบๆ ที่เกาะกินในใจให้หมดไปตั้งแต่วันนี้

         

 1.เท่าทันความคิดของตัวเอง จิตใจของมนุษย์ฉลาดกว่าที่เราคิดไว้เยอะ มันสามารถแยกแยะความจริงและสิ่งลวง ซึ่งเป็นต้นเหตุของการความคิดลบได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขอแค่รู้ให้เท่าทันก็รับมือได้ไม่ยาก โดยส่วนมาก ความคิดลบของคนเรามักเกิดจากการมองโลก 4 แบบ ดังนี้

 

         -มองแบบสุดโต่งไม่ขาวก็ดำ  

         -มองแบบคิดเองเออเองเช่นเวลาเห็นใครไม่ยิ้มให้มักคิดตำหนิตัวเองไว้ก่อนว่าเราคงไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบใจทั้งที่วันนั้นคนๆนั้นอาจอารมณ์ไม่ดีก็เป็นได้

         -มองแบบจำกัดกรอบ โดยเลือกมองแต่เฉพาะด้านลบๆ

         -มองแบบหายนะ นึกถึงแต่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น

         ถ้าสามารถเท่าทันกับความคิดที่บางครั้งมักบิดเบือนสิ่งที่เห็น จนก่อให้เกิดเป็นความคิดลบๆ ในหัว ก็สามารถจัดการได้ไม่ยาก      


        
2.
พาตัวเองออกจากความคิดลบๆ เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ากำลังจมอยู่กับความคิดแย่ๆ ให้ลองหยุดพักและให้เวลากับตัวเอง แค่สั้นๆ เพียง 5 นาที เพื่อปลดปล่อยตัวเองออกจากความคิดลบนั้นๆ ไม่เอาใจไปจดจ่อ เมื่อดีขึ้นแล้วค่อยๆ พาตัวเองกลับมาแล้วใช้ชีวิตตามปกติต่อไป  


3.
หยุดทำตัวเป็นผู้พิพากษาคนเรามักชอบทำตัวเป็นจอมตัดสินทั้งตัดสินตัวเองและผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวบ่อยๆซ้ำร้ายยังชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจนทำให้เป็นทุกข์แม้นิสัยชอบตัดสินนี้จะแก้ยากและไม่ได้ตัดกันได้ง่ายๆแต่ถ้าทำได้จะรู้สึกราวกับได้ปลดแอกตัวเองจากพันธนาการที่โอบรัดหรือถ้าลองพยายามแล้วทำไม่ได้จริงๆให้ลองเปลี่ยนนิสัยชอบตัดสินคนอื่นด้วยทัศนคติลบมาเป็นใช้ทัศนคติด้านบวกเป็นเกณฑ์แทน


4.
ฝึกตัวเองให้รู้จักขอบคุณสิ่งดีๆ รอบตัว มีผลงานวิจัยพบแล้วว่า การกล่าวคำขอบคุณให้ติดเป็นนิสัยมีผลต่อระดับความสุข และ ความคิดบวกของคนเรา ต่อให้คุณพบกับช่วงเวลาที่ต้องพบกับความท้าทายในชีวิต เชื่อเถอะว่าคุณก็ยังสามารถพบกับสิ่งเล็กๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกของคุณได้ คุณควรหมั่นสังเกตว่าอะไรคือสิ่งที่ทำแล้วทำให้คุณรู้สึกดีและมีความสุข จงพยายามอยู่กับสิ่งนั้น นอกจากนี้คุณอาจเขียนบันทึกเพื่อขอบคุณสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวที่เราเจอในแต่ละวันเก็บไว้


5.
โฟกัสกับจุดแข็งที่คุณมีธรรมชาติของมนุษย์มักจมปลักอยู่กับความคิดลบๆและมองข้ามความคิดบวกเพื่อก้าวผ่านหลุมพลางดังกล่าวคุณต้องเริ่มฝึกตัวเองให้หันมาโฟกัสกับจุดแข็งที่มีเลิกเอาใจไปผูกกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและเมื่อใดที่รู้สึกแย่ให้พยายามคิดถึงสิ่งที่คุณรู้สึกชอบตัวเองในมุมนั้นเข้าไว้


6.
หาตัวช่วยเสริมเกราะความคิด หากคุณพบว่า ไม่สามารถจัดการความคิดของตัวเองได้จริงๆ และความคิดลบๆ ที่อัดแน่นในหัวกำลังคุกคามการใช้ชีวิตในแต่ละวันของคุณ และ ทำให้หนทางแห่งความสุขในการใช้ชีวิตของคุณเต็มไปด้วยขวากหนาม ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยบำบัดจิตใจ คลายอารมณ์ที่เศร้าหมองของคุณออกไป

 ขอบคุณที่มา :  https://www.psychologytoday.com , https://www.forbes.com 

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก