กรมศุลกากร ร่วมมือ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ยกระดับความยากง่ายการประกอบธุรกิจในไทย ด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยใช้ระบบเทคโนโลยี จัดการควบคุม การขนส่งสินค้าขาออกโดยระบบตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพ โดยนำระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) มาเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ (National Single Window : NSW) เพื่อลดเอกสาร ลดขั้นตอนการทำงาน ลดความผิดพลาด ลดปัญหาการจราจร และลดเวลาให้บริการเหลือเพียง 20 วินาที ต่อตู้

         นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2561 จะเป็นปีที่กรมศุลกากรร่วมมือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมกันผลักดันและนำระบบ IT เข้ามาใช้ ในเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้า ให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อยกอันดับของประเทศ               ให้ดียิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้อันดับรวมของประเทศดีขึ้น พร้อมรองรับนโยบาย Thailand 4.0

         นายกุลิศ  สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) ผ่าน NSW ที่นำมาใช้กับท่าเรือ แหลมฉบัง และท่าเรือกรุงเทพ เพื่อลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน ให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกรวดเร็ว โดยระบบ e-Matchingสามารถลดระยะเวลาการผ่านสถานีตรวจสอบของท่าเรือ จากเดิม 3 นาที เหลือเพียง 20 วินาที เท่านั้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโดยรวม ลดภาระค่าใช้จ่ายและค่า  เสียเวลาลงได้ ปีละกว่า 2,500 ล้านบาท และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ได้ถึงปีละกว่า 3,500 ล้านบาท

         ดร.ฐิติพงศ์  นันทาภิวัฒน์ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ระบบ e-Matching นอกจากสนับสนุน เรื่อง Doing Business ตามนโยบายรัฐบาลแล้ว  ยังมีส่วนสนับสนุนโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor)  หรือ “ EEC ”  ที่มีเป้าหมายยกระดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้กลายเป็น “World-Class Economic Zone”  อีกด้วย