กรุงเทพฯ - บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตยิปซัมรายแรกในประเทศไทยและนวัตกรรมยิปซัมคุณภาพสูงแบรนด์ “ยิปรอค” เผยความสำเร็จของการดำเนินงานในปี 2560 พร้อมขึ้นแท่นผู้นำตลาดก่อสร้างไทยในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน โดยตลอดปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการเสนอชื่อและคว้ารางวัลเชิดชูเกียรติระดับประเทศจากหน่วยงานหลายแห่ง ตอกย้ำความสำเร็จของการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์และความมุ่งมั่นของยิปรอคในการนำเสนอโซลูชั่นส์เพื่อการก่อสร้างอาคารบ้านพักอาศัยที่ยั่งยืน โดยยึดมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดนับตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการใช้งาน และการสร้างเครือข่ายธุรกิจเพื่อรองรับอุปสงค์ด้านการก่อสร้างของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน

          สำหรับปี 2561 ยิปรอคฉลองการดำเนินงานครบ 50 ปี ด้วยการประกาศแผนกลยุทธ์ใหม่สู่การขยายเครือข่ายธุรกิจเพื่อรุกตลาดอาเซียนแบบเต็มตัว ซึ่งจะครอบคลุมทั้งกัมพูชา พม่า ลาว และฟิลิปปินส์ โดยกิจกรรมการตลาดของแบรนด์จะมุ่งเน้นที่การสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งกับเหล่าพันธมิตรธุรกิจทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ พร้อมให้การสนับสนุนผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยิปรอคอันเปี่ยมด้วยศักยภาพทางธุรกิจ

          มร. ริชาร์ด จูเชรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ขอขอบคุณพนักงานและพันธมิตรของยิปรอคทุกท่านสำหรับการทำงานอย่างอุตสาหะเพื่อสรรค์สร้างความสำเร็จร่วมกับเราตลอดปี 2560 ที่ผ่านมา สำหรับเป้าหมายที่สำคัญที่สุด 3 ประการของเราในปี 2561 นี้ ได้แก่ 1) การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมบนวิถีแห่งความยั่งยืน โดยเราจะนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมระบบการติดตั้งที่มุ่งเน้นการใช้ชีวิตภายในอาคารอย่างยั่งยืน อีกทั้งเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์สถาปนิก มัณฑนากร ช่างติดตั้ง และผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี 2) การนำเสนอโซลูชั่นส์ “Multi-Comfort” เพื่อมุ่งส่งเสริม “การใช้ชีวิตที่ผาสุก” (well-being) ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ว่าจะเป็นโซลูชั่นส์ที่สามารถตอบโจทย์ ด้านประสิทธิภาพของเสียง ด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และด้านการประหยัดพลังงาน  3) ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นพันธกิจหลัก เรายังคงมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง การบริการที่เหนือระดับแก่พันธมิตรธุรกิจและผู้บริโภค โดยในปี 2561 เราได้เปิดตัว “ชมรม ช่างมือโปรยิปรอค” (Gyproc Installer Club) เพื่อพัฒนาฝีมือช่างติดตั้งและช่างปูนมืออาชีพและส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมการก่อสร้างอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมอบสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับสมาชิก

          นอกเหนือจากการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายไปทั่วประเทศ ยิปรอคยังมองหาลู่ทางในการรุกตลาดต่างประเทศ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่มั่นในการจัดจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจในปี 2561 ยิปรอคจะเน้นสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อการพัฒนานวัตกรรมการก่อสร้างใหม่ ๆ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นส์ให้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนเข้าร่วม และสนับสนุนงานของเครือข่ายพันธมิตร เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือกับหุ้นส่วนทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ

          “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย คาดว่าจะเติบโตได้ดีในปี 2561 สืบเนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการก่อสร้างของภาครัฐบาลยิ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูงมาก ซึ่งพิจารณาได้จากการทุ่มลงทุนพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งโครงการปัจจุบันและโครงการใหม่ สำหรับภาพรวมการก่อสร้างของภาคเอกชนในไทย ยังมีการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ แต่การแข่งขันเชิงธุรกิจจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เรามั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับการเติบโตเหล่านี้ได้ เนื่องจากเราได้สร้างความร่วมมือและประสานงานกับพันธมิตรมากมาย อีกทั้งเรายังมีความรู้ความเข้าใจอย่างดีเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยิปซัม และพยายามนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม” มร.ริชาร์ด กล่าวสรุป

          ในปี 2560 ที่ผ่านมา ยิปรอคประสบความสำเร็จในการนำเสนอนวัตกรรมโซลูชั่นส์ที่พลิกรูปแบบการสร้างบ้านแห่งอนาคตที่ท้าทายแนวคิดเดิม ๆ ของผลิตภัณฑ์ ที่เชื่อกันว่ายิปซัมไม่สามารถใช้ในพื้นที่เปียก หรือรองรับน้ำหนักจากวัตถุได้ดีเหมือนผนังก่ออิฐ เช่น การติดตั้งชั้นวางของ, การติดตั้งราวผ้าม่าน หรือแม้กระทั้งการติดตั้งทีวีจอยักษ์  ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมก่อสร้างใหม่ล่าสุดภายใต้แนวคิด “Inside-Out Space” ในงานสถาปนิก’60 ด้วยการแขวนโซฟาที่มีน้ำหนักราว 85 กก. บนผนังยิปซัม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงทนทานของ ยิปรอค ฮาบิโต้ (Gyproc® Habito®) ระบบผนังสำเร็จรูปรุ่นใหม่จากยิปรอค รวมถึงจัดงานสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมแผ่นยิปซัมรูปแบบใหม่เพื่อการใช้งานในพื้นที่เปียก ด้วยคอนเซ็ปต์ “ใครว่าผนังยิปซัมกันน้ำกันชื้นไม่ได้” (World Why Wet)” เพื่อให้สถาปนิกมีความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นส์สำหรับพื้นที่เปียกของแบรนด์ยิปรอค อย่างผลิตภัณฑ์ ยิปรอค กลาสรอค เอช โอเชียน (Gyproc® Glasroc H OCEAN) ที่มีคุณสมบัติป้องกันการดูดซับและซึมผ่านความชื้นและป้องกันการเกิดของเชื้อรา โดยไม่ต้องใช้ระบบกันรั่วซึม

          นอกจากการให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมาย ยิปรอคยังใช้มาตรฐานการปฏิบัติงานเพื่อความยั่งยืนในทุกแง่มุมของการดำเนินธุรกิจ และได้รับรางวัลการันตีมากมาย อาทิ รางวัลบริษัทผู้ว่าจ้างยอดเยี่ยมแห่งเอเชียแปซิฟิกและประเทศไทยประจำปี 2017 จากสถาบัน Top Employers Institute ณ ประเทศสิงคโปร์, รางวัลอุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 4 – วัฒนธรรมสีเขียว จากกระทรวงอุตสาหกรรม, รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่น ด้านความปลอดภัย

          อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานระดับประเทศ จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ รางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

          และในช่วงต้นปี 2561 นี้ ยิปรอคจะส่งผู้ชนะจากการประกวดโครงการ “แซง-โกแบ็ง ยิปรอค เนชั่นแนล โทรฟี ไทยแลนด์ 2017” เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันกับอีก 45 ประเทศทั่วโลก ในโครงการ แซง-โกแบ็ง ยิปซัม อินเตอร์เนชั่นแนล โทรฟี ครั้งที่ 11 ในวันที่ 23 มีนาคม 2561 ณ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าทักษะในการสร้างสรรค์งานก่อสร้างของประเทศไทยมีความโดดเด่นและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในวงการตกแต่งระดับสากล

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.gyproc.co.th/