ที่ผ่านมาคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Cryptocurrency ให้ผลตอบแทนติดอันดับต้นๆ ในปี 2017 Cryptocurrency หลักๆให้ผลตอบแทนดังนี้ Bitcoin +2,800% Ethereum +8,500% Ripple +109,00% แล้วถ้าถามว่าตอนนี้ยังน่าลงทุนอยู่ไหม ลองมาฟังคำตอบในมุมมองของผมดูครับ

  1. แยกพื้นฐาน (Fundamental) กับราคา (Price) ออกจากกัน
    คนส่วนใหญ่มักจะเห็นราคาวิ่งขึ้นลงวันละมากๆ บางวันก็หลายสิบหรือเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงมองว่านี่เป็นตลาดเก็งกำไรขนาดใหญ่หรือเป็นการพนัน แต่จริงๆแล้วทุกอย่างก็มีพื้นฐานของมันเองซึ่งเราจะต้องดูให้ออกยกตัวอย่างเช่นเหรียญซึ่งมีชื่อว่า Ripple ที่เป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้การโอนเงินนั้นง่ายและเร็วขึ้นกว่าระบบเดิมที่ใช้เทคโนโลยี SWIFT มากและทำให้ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินนั้นลดลงมาก อย่างนี้แล้วเราจะมองว่ามันเป็นการเก็งกำไรอย่างเดียวก็คงจะไม่ใช่ ถ้าเทคโนโลยีนั้นสามารถนำมาใช้ได้จริงและมีผู้ใช้งานอยู่เป็นจำนวนมากในอนาคต เหรียญนั้นๆก็ควรจะมีมูลราคาที่สูงมากๆนั่นเอง

อีกตัวอย่างนึงคือ Ethereum ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำสัญญากันนั้นง่ายยิ่งขึ้นหรือเรียกว่าสมาร์ทคอนแทรคซึ่งถูกนำมาใช้ในการเสนอขายเหรียญอื่นๆหรือที่เรียกว่า Initial Coin Offering (ICO) อย่างมากมาย ซึ่งถ้าระบบนี้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปก็อาจจะเปลี่ยนแปลงวงการดิจิตอลอย่างที่ระบบปฎิบัติการของ Microsoft เคยทำมาแล้วก็เป็นได้

ดังนั้นการที่เรามองแต่ราคาขึ้นลงอย่างเดียวจะทำให้เราพลาดเทคโนโลยีที่อาจจะเปลี่ยนโลกในอนาคตไปเลยก็ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เป็นการเชียร์ว่าควรจะเข้าไปซื้อหรือขายเหรียญนั้นนั้นในตอนนี้แค่อยากให้ทุกคนมองพื้นฐานของมันให้ออกว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกใช้ทำอะไรในอนาคตและมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน

  1. มูลค่าของ cryptocurrency ทั้งหลายนั้น overvalue ไปแล้วหรือยัง? 
    คำว่า overvalue นั้นก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่ถ้าให้ทาย ในช่วงที่ตลาดร้อนแรงโอกาสที่เราจะเจอเหรียญที่เกินค่านั้นก็เป็นไปได้สูง
  2. ต้องหาผู้ชนะให้เจอ
    ผมขอยกตัวอย่าง Dot Com Bubble ในช่วงปี 2000 ที่บริษัทอินเตอร์เน็ตทั้งหลายมีราคาเกินมูลค่าไปอย่างมาก
    ทุกคนรู้ว่าอินเตอร์เน็ตจะเป็นอนาคตของโลก แต่แน่นอนในบรรดาบริษัทอินเตอร์เน็ตทั้งหลายก็มีบริษัทที่เป็นของปลอมและไม่สามารถสร้างกำไรได้และล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีหลายหลายบริษัทที่ยังคงอยู่และเติบโตขึ้นมากมายจากวันนั้นยกตัวอย่างเช่น Amazon เป็นต้น

หุ้น Amazon นั้นตกลงไปมากกว่า 90% ในช่วงที่ฟองสบู่ .com แตก แต่หลังจากนั้นก็สามารถกลับมาทำ new high ได้และให้ผลตอบแทนเป็น 10 เท่า

เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าการที่เราหาผู้ชนะให้เจอแล้วเข้าซื้อให้ถูกจังหวะก็สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
หลังจากช่วงที่ตลาดบูมแล้วหลังจากนั้นจะเกิด correction ครั้งใหญ่และจากกวาดคนที่เป็นของปลอมออกไปเหลือแต่ผู้ชนะเพิ่งจะกินรวบตลาดหลังจากนั้น

  1. การเข้าซื้อที่ราคาสูงควรจะต้องมี. Stop Loss เสมอ

หรือมีตัวช่วยตัดสินใจในการเทรดอัตโนมัติ (Robot)เพื่อที่เราจะได้ไม่หลงไปกับตลาดซึ่งอาจจะทำให้เราขาดทุนอย่างมากได้ในท้ายที่สุดตอนตลาดวาย

การเทรด cryptocurrency นั้นเป็นการเทรดตลอด 24 ชั่วโมง การใช้ระบบอัตโนมัติหรือ Robot มาช่วยน่าจะเป็นสิ่งจำเป็นและช่วยตัดอารมณ์ออกจากการเทรดของเราทำให้เรามีวินัยและสามารถอยู่ในตลาดได้ในระยะยาวและจะทำกำไรได้จากตลาดที่ผันผวนสูงเช่นนี้

ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA.

บทความโดย เทอร์ร่า บีเคเค ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA.

Email : tanapoom@uchicago.edu