สรุปผลประกอบการ TOP อุตสาหกรรม ย้อนหลัง 5 ปี ประจำ ไตรมาส 3/2558
หลังจากที่ "ผลประกอบการ" ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ประจำไตรมาส 3/2558 ออกเผยแพร่ครบทุกบริษัทเรียบร้อยแล้ว TerraBKK Research จึงได้ถือโอกาสนี้ในการ Update ข้อมูลผลประกอบทั้งอุตสาหกรรม เพื่อดูว่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อุตสาหกรรมไหนทำผลประกอบการได้ติดอันดับ TOP ของกลุ่มบ้าง โดยสำรวจเฉพาะบริษัทที่อยู่ใน SET มีรายละเอีดยที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
จากการศึกษาภาพรวมของแต่ละอุตสาหกรรม TerraBKK ได้คัดอุตสาหกรรมที่สามารถทำผลประกอบการได้เป็นดีทั้งการเติบโต และความสามารถในการทำกำไรในสภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ ในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2558 จนถึงสิ้นไตรมาส 3 ของปี 2558 อุตสาหกรรมเหล่านั้น ได้แก่ กลุ่ม ICT : Information & Communication Technology, HELTH : Health Care Services, COMM : Commerce และ FIN : Finance & Securities
รายได้ (Revenue) สำหรับรายได้ในภาพรวมของแต่ละอุตสาหกรรม พบว่า มีทั้งอุตสาหกรรมที่รายได้ลดลงและรายได้เพิ่มสูงขึ้น อุตสาหกรรมที่รายได้เพิ่มขึ้นมีทั้งหมด 11 อุตสาหกรรม และลดลงทั้งหมด 16 อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมที่มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่แล้ว เรียงจากมากไปหาน้อย 5 อันดับแรก คือ 1.PKG : Packaging โตจากปีที่แล้ว 22.26% ถือว่ารายได้โตค่อนข้างมาก 2. PROP : Property Development รายได้โตขึ้น 13.95% ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งเป็นรายได้ที่รับรู้จากยอดขายที่สะสมเอาไว้เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา 3.HELTH : Health Care Services รายได้โตขึ้น 10.42% 4. FIN : Finance & Securities โตขึ้น 9.52% ส่วนบริษัทที่มีรายได้ลดลง มาดูว่ามีบริษัทอะไรบ้าง 5 อันดับแรกได้แก่ 1.INSUR : Insurance ลดลงถึง -38.37% 2.AGRI : Agribusiness -29.23% 3.ENERG : Energy & Utilities -22.75% 4.PETRO : Petrochemicals & Chemicals -22.73% 5.HOME : Home & Office Products -22.30% เราก็ต้องติดตามต่อไปว่าบริษัทเหล่านี้จะมีแนวโน้มของรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ บริษัทที่มีแนวโน้มของรายได้เพิ่มขึ้นได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจจะเป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจได้เช่นกัน
อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) กลุ่มธนาคารเป็นอุตสาหกรรมที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงมากที่สุด เท่ากับ 19.92% สำหรับอุตสาหกรรมที่มีอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 10% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ได้แก่อุตสาหกรรม 1. PROF : Professional Services อยู่ที่ 14.63% มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอด 2. INSUR : Insurance 12.87% 3. ICT : Information & Communication Technology 15.81%4. FIN : Finance & Securities 12.75% มีอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีอัตรากำไรสุทธิลดลงอย่างมาก คือ อุตสาหกรรมเหล็ก มีอัตรากำไรสุทธิติดลบถึง -27.64% ตกต่ำที่สุดของตลาด
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset) บริษัทที่มีอัตราการใช้สินทรัพย์ได้มีประสิทธิภาพและเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า (ROA>10%) คือ CONMAT : Construction Materials มี ROA 11.95% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว, ICT : Information & Communication Technology มี ROA 16.47%, HELTH : Health Care Services มี ROA 13.24% ในอีกด้านหนึ่งหลายๆอุตสาหกรรมมี ROA ลดลงเช่นกันซึ่งจะแสดงถึงความสามารถในการนำทรัพย์สินมาสร้างรายได้ที่ลดลง
อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity) แสดงถึง ความสามารถในการสร้างผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้น สำหรับอุตสาหกรรมกลุ่ม ICT เป็นกลุ่มที่มีอัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้นสูงที่สุด สูงถึง 42.09% รองลงมาเป็นกลุ่มค้าปลีก COMM, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง CONMAT, กลุ่มโรงพยาบาล HEALTH, กลุ่มประกัน INSUR และกลุ่ม FIN ทั้ง 6 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีอัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้นสูงกว่าในช่วงปี 2556
อัตราหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) สัดส่วนของหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับปกติไม่ควรมีสัดส่วนของหนี้สินต่อส่วนของทุนมากกว่า 2 เท่า และถ้าจะให้ดีควรจะน้อยกว่า 1 เท่าจากข้อมูลพบว่ากลุ่มธนาคารมีหนี้สินต่อทุนมากที่สุดเนื่องจากธนาคารมีหนี้สินที่ต้องใช้คืนลูกค้าเป็นจำนวนมากจึงไม่แปลกที่กลุ่มธนาคารจะมีหนี้สินต่อทุนเป็นจำนวนมาก บริษัทที่มีการอัตราหนี้สินต่อทุนสูงผิดปกติ (D/E Ratio > 2) ได้แก่ COMM : Commerce (2.18), CONS : Construction Services (2.45), ICT : Information & Communication Technology (2.47), FIN : Finance & Securities (2.53), INSUR : Insurance (3.57), STEEL : STEEL (3.73)
บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้ TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก