TerraBKK Research อัพเดทผลประกอบการกลุ่ม "โรงพยาบาล (Health Care Service)" ในช่วง 9 เดือน ย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554-2558 ครบทุกโรงพยาบาลมีด้วยกันทั้งหมด 15 บริษัท บริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดรอง SET บริษัทไหนสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น และมีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นบริษัทผู้นำในของกลุ่ม TerraBKK Research ได้รวบรวมเอาไว้ดังต่อไปนี้

จากการสำรวจผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2558 ของกลุ่มโรงพยาบาล พบบริษัทที่มีศักยภาพทั้งในด้าน การเติบโตของ รายได้ กำไร และการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น บริษัทเหล่านั้น ได้แก่ BH : BUMRUNGRAD HOSPITAL, CHG : CHULARAT HOSPITAL, CMR : CHIANG MAI RAM ส่วนบริษัท BDMS : BANGKOK DUSIT MEDICAL SERVICES ก็น่าสนใจในเรื่องของการเติบโตแต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ROE ไม่เติบโตทำให้ TerraBKK Research ลดความน่าสนใจลง

โรงพยาบาล (Health Care Service) รายได้ (Revenue) กำไรสุทธิ (Net Profit) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

รายได้ (Revenue) เมื่อเราดูการเติบโตของขายรายได้ของกลุ่มนี้เราจะพบว่า ผ่านมา 9 เดือนภาพรวมของกลุ่มนี้มีแนวโน้มของการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นทั้งกลุ่มซึ่งเป็นสัญญานที่ดีว่ากลุ่มนี้ยังสามารถเติบโตต่อไปได้ในอนาคต โดยบริษัทที่สามารถสร้างการเติบโตของรายได้ได้มากกกว่า 10% (มากน้อยขึ้นอยู่กับว่ามาจากฐานรายได้ที่มากหรือน้อยด้วย) ได้แก่THONBURI MEDICAL CENTRE (+14.75%),CHULARAT HOSPITAL (+13.56%),BUMRUNGRAD HOSPITAL (+12.53%), CHIANG MAI RAM MEDICAL (+11.59%) และ BANGKOK DUSIT MEDICAL (+11.35%) โดยทั้ง 5 บริษัทข้างต้นมาแนวโน้มเติบโตตั้งแต่ 3 ปีติดต่อกัน ส่วนโรงพยาบาลที่ไม่โตแล้วติดลบ ได้แก่ NONTHAVEJ HOSPITAL และ RAMKHAMHAENG HOSPITAL

กำไรสุทธิ (Net Profit) เมื่อเรารู้ยอดรายได้แล้วเรามาดูว่ากำไรโตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ บริัษัทที่มียอดกำไรเพิ่มขึ้น ได้แก่ CHIANG MAI RAM MEDICAL BUSINESS (31.08%), THONBURI MEDICAL CENTRE (26.82%), BUMRUNGRAD HOSPITAL (23.44%), MAHACHAI HOSPITAL (21.91%), VIBHAVADI MEDICAL CENTER (16.51%), NONTHAVEJ HOSPITAL (11.21%), CHULARAT HOSPITAL (6.91%) และBDMS : BANGKOK DUSIT MEDICAL SERVICES (6.20%) จะเห็นว่า CMR, KDH, BH, CHG และ BDMS มีรายได้เพิ่มขึ้นมากและกำไรก็เพิ่มขึ้นตามมาด้วย

โรงพยาบาล (Health Care Service) อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) และ อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) กลุ่มโรงพยาบาลเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่มากกว่า 30% บริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงที่สุด คือ BUMRUNGRAD HOSPITAL รองลงมา SAMITIVEJ และ CHIANG MAI RAM โดยเมื่อดูย้อนหลัง 5 ปีจะพบว่าบริัษัทที่สามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นได้มากที่สุดใน 5 ปี ได้แก่BUMRUNGRAD HOSPITAL, CHIANG MAI RAM และ VIBHAVADI MEDICAL CENTER สำหรับ BUMRUNGRAD HOSPITAL เป็นโรงพยาบาลที่มีแนวโน้มของกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นด้วย

อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) บริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิมากที่สุด คือ RAMKHAMHAENG มีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 26.27% ส่วนบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงสุดตั้งแต่เปิดกิจการมาย้อนหลัง 5 ปี ได้แก่ CHIANG MAI RAM,NONTHAVEJ และ VIBHAVADI สำหรับ THONBURI MEDICAL CENTRE ถึงแม้รายได้เติบโตแต่ อัตรากำไรสุทธิกลับปรับตัวลดลง

โรงพยาบาล (Health Care Service) อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return to Asset) อัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้น (Return on Equity) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return to Asset) แสดงถึงความสามารถในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของบริษัทว่าสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาสร้างผลตอบแทนได้มากน้อยขนาดไหน เมื่อเราดู Return on Asset ของกลุ่มโรงพยาบาลเราจะพบว่า โรงพยาบาล BUMRUNGRAD มีผลตอบแทนจากสินทรัพย์สูงที่สุดและเพิ่มขึ้นจากปีก่อนด้วย บริษัทที่มี ROA มากกว่า 15% ได้แก่ NONTHAVEJ, CHULARAT และ SAMITIVEJในส่วนของอัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้น (Return on Equity) จะแสดงถึง ความสามารถของบริษัทในการสร้างผลกำไรว่ามีศักยภาพมากน้อยขนาดไหน บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นมากกว่า 17% และเพิ่มมากขึ้น 3 ปีติดต่อกัน ได้แก่ BUMRUNGRAD HOSPITAL (30.19%), CHIANG MAI RAM (20.89%) และ CHULARAT HOSPITAL (17.86%) ส่วนบริษัท NONTHAVEJ มี ROE 20.8% เพิ่มขึ้นเป็นปีแรกต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

โรงพยาบาล (Health Care Service) อัตรากำไรต่อหุ้น (Earning per Share) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตรากำไรต่อหุ้น (Earning per Share) แสดงถึง ส่วนแบ่งของกำไรต่อหุ้นหนึ่งหน่วย ถ้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจะแสดงว่ากำไรเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นโรงพยาบาลที่มีแนวโน้มกำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ โรงพยาบาล CHIANG MAI RAM, BUMRUNGRAD, NONTHAVEJ ส่วนโรงพยาบาลมีการเติบโตของกำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 10% ได้แก่ CHIANG MAI RAM (+31.08%), THONBURI MEDICAL (+26.67%), BUMRUNGRAD (+23.50%), MAHACHAI (+21.84%) และ NONTHAVEJ (+11.03%)

โรงพยาบาล (Health Care Service) อัตราหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตราหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึงสัดส่วนของการระดมทุนของกิจการว่ามาจากการก่อหนี้ในสัดส่วนเท่าไร และมาจากส่วนของผู้ถือหุ้นเท่าไร โดยอัตราส่วนที่เหมาะสม คือ ไม่ควรเกิน 1 เท่า และถ้าเกิน 2 เท่าถือว่าบริษัทมีวินัยทางการเงินค่อนข้างต่ำและจากการดูกลุ่มโรงพยาบาล TerraBKK Research ไม่พบโรงพยาบาลใดเลยที่มีอัตราหนี้สินต่อทุนสูงกว่า 2 เท่า แต่มีเพียง 2 โรงพยาบาลเท่านั้นที่มีอัตราหนี้สินต่อทุนสูงกว่า 1 เท่า ได้แก่ BANGKOK CHAIN และ MAHACHAI แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับปกติ

TNH (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

เมื่อเราดูโรงพยาบาลในตลาด MAI ย้อนหลัง 5 ปี ประจำปี 2558 สำหรับบริษัท TNH: THAI NAKARIN HOSPITAL PUBLIC COMPANY LIMITED แนวโน้มของสินทรัพย์ รายได้ และกำไรสุทธิ มีแนวโน้มของการเติบโตของผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับรายได้ เพิ่มขึ้น 6.50% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2.89% กำไรเพิ่มขึ้น 2.89% และสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 7.69%

TNH (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

เมื่อเราดูเรื่องอัตราส่วนทางการเงินจะพบว่าความสามารถในการทำกำไรของ TNH นั้นลดลงต่อเนื่องทั้ง อัตราการทำกำไรขั้นต้น ผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ และอัตรากำไรสุทธิ ล้วนแต่ต่ำลงแทบทั้งสิ้น แต่เมื่อดูระดับของการสร้างผลตอบแทนก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับในอุตสาหกรรมเดียวกัน

TNH (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

ส่วนอัตรากำไรต่อหุ้น (Earning per Share) เติบโตตลอด โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.5% อัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับปกติและมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

สรุปภาพรวมของ TNH เราพบว่ายังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องทั้งกำไรและรายได้ ส่วนความสามารถในการทำกำไรลดลงจาก 2-3 ปีที่ผ่านมาแต่อยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบดับคู่แข่ง

อัตรากำไรสุทธิ จะแสดงถึง ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของบริษัท เป็นการวัดความสามารถของบริษัทในการควบคุมรายจ่ายทุกประการทั้งดอกเบี้ยและภาษีเมื่อเทียบกับยอดขาย หากอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้เป็นกำไรสุทธิได้มาก

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึง สัดส่วนของเงินทุนจากการกู้ยืมต่อเงินทุนจากเจ้าของธุรกิจถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการกู้ยืมเงินในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินทุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์

อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset:ROA) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท เป็นการวัดความสามารถในการนำสินทรัพย์ทั้งหมดของธุรกิจใช่ในการสร้างยอดขายและควบคุมค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดสุทธิจากภาษีแต่ก่อนต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิจากภาษีที่ประหยัดได้) อัตราส่วนที่สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถสูงในการนำสินทรัพย์ไปสร้างกำไรจากการดำเนินงาน

อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดความสามารถในการทำกำไรให้แก่เงินทุนของผู้ถือหุ้น หากค่าที่ได้จากการคำนวณสูงแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลและผลตอบแทนที่สูง

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู็ แหล่งข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก