5 ปีย้อนหลัง ผลประกอบการ กลุ่ม "ขนส่ง" ไตรมาส 3/2558
TerraBKK Research ได้รวบรวม 12 บริษัท "ขนส่ง (Transportation & Logistic)" ที่ทำธุรกิจสายการบิน ธุรกิจเดินเรือ รวมไปถึงให้บริการขนส่งอื่นๆ โดยทาง TerraBKK Reseacrh ได้ทำการอัพเดทผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี ของไตรมาส 3/2558 หลังจากมีการดำเนินงานผ่านมาแล้ว 9 เดือนของปี 2558 โดยรวบรวมเฉพาะบริษัทที่อยู่ใน SET ไม่ได้หยิบบริษัทใน MAI มาพูดถึงเพื่อค้นหาศักยภาพของกิจการที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีที่สุดผ่านการวิเคราะห์งบการเงินและอัตราส่วนทางการเงินสำคัญต่างๆ บริษัทค้าปลีกบริษัทใดบ้างที่น่าสนใจ ติดตามได้ดังต่อไปนี้
จากการสำรวจผลประกอบการกลุ่มบริษัทขนส่ง พบว่า หลายบริษัทในกลุ่มนี้มีผลประกอบการที่ต่ำลงทั้งในเรื่องของรายได้ ความสามารถในการทำกำไร และวินัยทางการเงินที่แย่ลง ส่วนบริษัทที่ทำผลประกอบการได้ค่อนข้างดี คือ บริษัทที่พึ่งเปิดขาย IPO ไม่ว่าจะเป็น BANGKOK AIRWAYS, WICE LOGISTICS และ JWD INFOLOGISTICS แต่บริษัทเหล่านี้ยังเป็นบริษัทที่พึ่งเข้า IPO มาอาจจะยังไม่มีผลประกอบการให้เปรียบเทียบในช่วงหลังเข้าตลาดมา ดังนั้นบริษัท IPO จึงต้องคอยติดตามผลประกอบการเป็นระยะ ๆ สำหรับ ASIA AVIATION เป็นบริษัทสายการบินที่เริ่มกลับมาดีขึ้นจากปีที่แล้วที่ติดลบลงไป
รายได้ (Revenue) ของกลุ่มขนส่งในช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมาบริษัทที่สามารถสร้่างรายได้ได้มากที่สุด คือ บริษัท THAI AIRWAYS INTERNATIONAL มีรายได้กว่า 139,503 ล้านบาท แต่เมื่อดูย้อนหลังกลับไปพบว่าบริษัทมีแนวโน้มของรายได้ลดลงมาโดยตลอด รองอันดับสอง คือ ASIA AVIATION เพิ่มสูงขึ้น 22,462 ล้านบาทและมีแนวโน้มสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ส่วนบริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้นสูงที่สุด หยิบมา 3 อันดับด้วยกัน คือ ASIA AVIATION (+23.64%), NOK AIRLINES (+17.94%) และ THORESEN THAI AGENCIES (+8.21%) ส่วนบริษัทที่มีแนวโน้มของรายได้เพิ่มขึ้นนอกจาก ASIA AVIATION คือ THORESEN THAI AGENCIES, NOK AIRLINES และBANGKOK METRO เมื่อสังเกตส่วนของกำไรสุทธิ (Net Profit) พบว่า ASIA AVIATION เป็นบริษัทเดียวที่มีกำไรเพิ่มขึ้นและเป็นบวก ล่าสุดมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 804 ล้านบาท บริษัทที่มีกำไรสุทธิสูงที่สุด คือ BTS GROUP HOLDINGS มีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 2,265 ล้านบาท สำหรับสายการบินที่กำไรสุทธิมากที่สุดคือ BANGKOK AIRWAYS
อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เมื่อดูในส่วนของอัตรากำไรสุทธิของบริษัท พบว่า ธุรกิจรถไฟฟ้าอย่าง BTS GROUP HOLDINGS เป็นบริษัทที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดสูงถึง 51.42% และมีแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันดับที่สองคือ JWD INFOLOGISTICS มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ36.62% สำหรับธุรกิจสายการบิน BANGKOK AIRWAYS เป็นบริษัทที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุด อยู่ที่ 21.74% ส่วนธุรกิจเดินเรือ PRECIOUS SHIPPING มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 28.75% อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) บริษัท BTS GROUP HOLDINGS มีอัตรากำไรสุทธิสูงที่สุดเช่นเดี่ยวกันกับอัตรากำไรขั้นต้น ส่วนอันดับที่ 2,3 และ 4 ล้วนแต่เป็นบริษัทเข้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ อันได้แก่ JWD INFOLOGISTICS (13.67%), BANGKOK AIRWAYS (9.14%) และ WICE LOGISTICS (7.65%)
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset) จะเป็นตัวที่แสดงถึงประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรภายในองค์กรเพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่กิจการว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยขนาดไหน บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์มากที่สุด คือ WICE LOGISTICS มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ เท่ากับ 10.46% รองลงมาคือ JWD INFOLOGISTICS มีบางบริษัทที่ ROA เคยติดลบและปีนี้ก็ติดลบเช่นกันแถมยังติดลบหนักกว่าในอดีตได้แก่ ธุรกิจสายการบิน NOK AIRLINES (-22.83%) และ THAI AIRWAYS INTERNATIONAL (-6.73%) ส่วนอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity) ไม่มีบริษัทใดเลยที่มีแนวโน้มของผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและไม่มีบริษัทใดเลยในกลุ่มขนส่งที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่า 17% สำหรับบริษัทที่มี ROE สูงที่สุดคือJWD INFOLOGISTICS (12.93%), BANGKOK AIRWAYS (9.52%) และWICE LOGISTICS (9.14%)
อัตรากำไรต่อหุ้น (Earning per Share) การเติบโตของกำไรต่อหุ้นจะเป็นตัวบอกถึงความสามารถในการทำกำไรของ บริษัท ว่าบริษัทสามารถสร้างกำไรส่วนเพิ่มให้แก่นักลงทุนต่อหนึ่งหน่วยลงทุนได้ดี มากน้อยขนาดไหนและเมื่อเราดูแนวโน้มอัตรากำไรต่อหุ้นประกอบทำให้เราสามารถ เลือกบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตได้ดีมากขึ้น บริษัทในกลุ่มขนส่งที่มีอัตรากำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้นและมีค่าเป็นบวก ได้แก่ ASIA AVIATION เพียงบริษัทเดียวเท่านั้น ซึ่งหลาย ๆ บริษัทต่างก็มีกำไรต่อหุ้นลดลง
อัตราหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) สัดส่วนของหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับปกติไม่ควรมีหนี้สินต่อส่วนของทุนมากกว่า 2 เท่าและถ้าจะให้ดีควรจะน้อยกว่า 1 เท่า บริษัทที่มีหนี้สินต่อทุนมากกว่า 2 เท่า ได้แก่ JUTHA MARITIME และ THAI AIRWAYS INTERNATIONAL บริษัทเหล่านนี้ถือว่ามีวินัยทางการเงินไม่ค่อยดีนักอาจจะต้องพิจารณาเป็นพิเศษถ้าหากจะเลือกลงทุน โดยเฉพาะ THAI AIRWAYS INTERNATIONAL มีแนวโน้มของหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัทที่มีอัตราหนี้สินต่อทุนน้อยที่สุดคือ WICE LOGISTIC
อัตรากำไรสุทธิ จะแสดงถึง ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของบริษัท เป็นการวัดความสามารถของบริษัทในการควบคุมรายจ่ายทุกประการทั้งดอกเบี้ยและภาษีเมื่อเทียบกับยอดขาย หากอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้เป็นกำไรสุทธิได้มาก
อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึง สัดส่วนของเงินทุนจากการกู้ยืมต่อเงินทุนจากเจ้าของธุรกิจถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการกู้ยืมเงินในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินทุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset:ROA) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท เป็นการวัดความสามารถในการนำสินทรัพย์ทั้งหมดของธุรกิจใช่ในการสร้างยอดขายและควบคุมค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดสุทธิจากภาษีแต่ก่อนต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิจากภาษีที่ประหยัดได้) อัตราส่วนที่สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถสูงในการนำสินทรัพย์ไปสร้างกำไรจากการดำเนินงาน
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดความสามารถในการทำกำไรให้แก่เงินทุนของผู้ถือหุ้น หากค่าที่ได้จากการคำนวณสูงแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลและผลตอบแทนที่สูง
บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้ แหล่งข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก