TerraBKK Research ได้รวบรวม 19 บริษัท กลุ่ม "วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials)" โดยทาง TerraBKK Research ได้ทำการอัพเดทผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ไตรมาส 1-3/2558 หลังจากมีการดำเนินงานผ่านมาแล้ว 9 เดือน โดยรวบรวมเฉพาะบริษัทที่อยู่ใน SET ไม่ได้หยิบยกบริษัทใน MAI มาพูดถึง ผ่านการวิเคราะห์งบการเงินและอัตราส่วนทางการเงินสำคัญต่างๆ เพื่อค้นหาศักยภาพของกิจการที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีที่สุดบริษัทค้าปลีกบริษัทใดบ้างที่น่าสนใจ ติดตามได้ดังต่อไปนี้

จากการสำรวจบริษัทต่างๆในกลุ่ม "วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials)" เราพบว่า บริษัทที่มีการเติบโตโดดเด่นที่สุดของกลุ่ม คือ TASCO : TIPCO ASPHALT มีการเติบโตของกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง ส่งผลให้ ROA ROE เติบโตมากที่สุดในรอบหลายๆปี แต่เมื่อเรามองรายได้นั้นกลับลดลงเล็กน้อย ส่วนบริษัทที่เติบโตดีทั้งรายได้และกำไร คือ VNG : VANACHAI GROUP

รายได้ (Revenue) กำไรสุทธิ (Net Profit) วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

รายได้ (Revenue) รายได้ของกลุ่ม "วัสดุก่อสร้าง" พบว่า เกือบทุกบริษัทเริ่มมีแนวรายได้ลดลงจากปี 2557 แต่มีด้วยกัน 4 บริษัทเท่านั้น ที่งบไตรมาส 1-3 รวมกันแล้วยังมีรายได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ บริษัท WIIK & HOEGLUND (+3.55%), VANACHAI GROUP (+3.91%), THE UNION MOSAIC (+10.50%) และTHAILAND CARPET MANUFACTURING (+30.40%) โดยทั้ง 4 บริษัทนี้มีบริษัทที่มีแนวโน้มโตขึ้นต่อเนื่อง ได่้แก่ VANACHAI, GROUP WIIK & HOEGLUND และ THE UNION MOSAIC ส่วน SCG ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่สุดในกลุ่มนี้ปีนี้มีรายได้ลดลง -8.43% ทำให้รายได้หายไปราวๆ 3 หมื่นล้านบาท เมื่อเราดูลึกลงไปในส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit) บริษัทที่มีรายได้เพิ่มขึ้นและกำไรเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ WIIK & HOEGLUND, VANACHAI GROUP และ THAILAND CARPET MANUFACTURING ส่วน TIPCO ASPHALT, DYNASTY CERAMIC และ DIAMOND BUILDING PRODUCTS ถึงแม้รายได้จะไม่เติบโตแต่กำไรก็เพิ่มสูงขึ้น และบริษัทที่มีกำไรสุทธิติดลบเป็นปีแรกย้อนหลัง 5 ปี ได้แก่ TPI POLENE และ THE UNION MOSAIC

อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในมุมของความสามารถในการทำกำไรในกลุ่มนี้ บริษัทที่มีอัตรากำไรขั้นต้นมากที่สุด 3 อันกับแรก คือ SIAM CITY CEMENT, DYNASTY CERAMIC และ PREMIER PRODUCTS มีอัตรากำไรขั้นต้นมากที่สุด แต่ที่น่าสนใจคือ TASCO : TIPCO ASPHALT มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเพิ่มขึ้นถึง 496% อยู่ที่ 19.74% อันดับที่สองคือ SCC เพิ่มขึ้น 42.11% อยู่ที่ 22.51% และปัจจุบัน VNG : VANACHAI GROUP มี อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 30.06% (+39.81%) อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง พบว่า DYNASTY CERAMIC, SOUTHERN CONCRETE PILE, SIAM CITY CEMENT, DCON PRODUCTS, VANACHAI GROUP และ TIPCO ASPHALT เป็นกลุ่บริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 10% โดย ​ VANACHAI GROUP และ TIPCO ASPHALT เป็นบริษัทที่มีกำไรสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset) อัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้น (Return on Equity) วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) จะเป็นตัวที่แสดงถึงประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรภายในองค์กรเพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่กิจการว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยขนาดไหน บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์มากที่สุด เรียงจากมากไปน้อย คือ DYNASTY CERAMIC (33.31%), TIPCO ASPHALT(31.78%) และ DCON PRODUCTS(26.13%) เมื่อเราดูแนวโน้มพบว่าVNG : VANACHAI GROUP มีความสามารถในการใช้สินรัพย์เพื่อสร้างกำไรได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในด้านอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) บริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่า 17% คือ TIPCO ASPHALT (58.71%), DYNASTY CERAMIC (46.2%), DCON PRODUCTS (34.42%), THE SIAM CEMENT (23.59%), SIAM CITY CEMENT (20.68%), PREMIER PRODUCTS (20.04%), SOUTHERN CONCRETE PILE (19.83%) และ VANACHAI GROUP (19.55%) โดย DCON PRODUCTS และ VANACHAI GROUP เป็นบริษัทที่มีแนวโน้มของ ROE เพิ่มสูงขึ้น

อัตรากำไรต่อหุ้น (Earning per Share) วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตรากำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS) การเติบโตของกำไรต่อหุ้นจะเป็นตัวบอกถึงความสามารถในการทำกำไรของ บริษัท ว่าบริษัทสามารถสร้างกำไรส่วนเพิ่มให้แก่นักลงทุนต่อหนึ่งหน่วยลงทุนได้ดี มากน้อยขนาดไหนและเมื่อเราดูแนวโน้มอัตรากำไรต่อหุ้นประกอบทำให้เราสามารถ เลือกบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตได้ดีมากขึ้น บริษัทในกลุ่มโรงแรมที่มีอัตรากำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้นและมีค่าเป็นบวก ได้แก่ WIIK : WIIK & HOEGLUND (+2100%), VNG : VANACHAI GROUP (+72.09%), TCMC : THAILAND CARPET MANUFACTURING (+55.56%) บริษัทเหล่านี้อาจจะเป็นบริษัทที่สามารถเติบโตได้ดีในอนาคตจากอัตรากำไรต่อหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

อัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio) วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

หนี้สินต่อทุน (Debt to Equity : D/E) สัดส่วนของหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับปกติไม่ควรมีหนี้สินต่อส่วนของทุนมากกว่า 2 เท่าและถ้าจะให้ดีควรจะน้อยกว่า 1 เท่า จากการสำรวจพบว่าไม่มีบริษัทใดเลยที่มีอัตราหนี้สินต่อทุนมากกว่า 2 เท่า แต่ TCMC : THAILAND CARPET MANUFACTURING ปีนี้มีหนี้มากเป็นพิเศษ

อัตรากำไรสุทธิ จะแสดงถึง ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของบริษัท เป็นการวัดความสามารถของบริษัทในการควบคุมรายจ่ายทุกประการทั้งดอกเบี้ยและภาษีเมื่อเทียบกับยอดขาย หากอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้เป็นกำไรสุทธิได้มาก

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึง สัดส่วนของเงินทุนจากการกู้ยืมต่อเงินทุนจากเจ้าของธุรกิจถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการกู้ยืมเงินในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินทุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์

อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset:ROA) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท เป็นการวัดความสามารถในการนำสินทรัพย์ทั้งหมดของธุรกิจใช่ในการสร้างยอดขายและควบคุมค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดสุทธิจากภาษีแต่ก่อนต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิจากภาษีที่ประหยัดได้) อัตราส่วนที่สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถสูงในการนำสินทรัพย์ไปสร้างกำไรจากการดำเนินงาน

อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดความสามารถในการทำกำไรให้แก่เงินทุนของผู้ถือหุ้น หากค่าที่ได้จากการคำนวณสูงแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลและผลตอบแทนที่สูง

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้ แหล่งข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก