หลักธรรม สอนทำธุรกิจ ได้จริงหรือ ?
สอนทำธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสอนที่จะทำ หากตัวผู้ประกอบคนนั้นยังไม่เป็นผู้ตื่นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน เพราะการทำธุรกิจต้องพบเจออุปสรรคปัญหามากมายที่เข้าในชีวิต การเจรจาต่อรอง การรักษาธุรกิจ ฯลฯ ทุกสิ่งคงผ่านไปไม่ง่ายเลย หากยังมีจิตใจที่ไม่หนักแน่นมั่นคง TerraBKK ขอยก หลักคำสอนพุทธศาสนา มาประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิต สอนทำธุรกิจ อย่างอาชีพสุจริต เชื่อหรือไม่ว่า แม้แต่ชาวต่างชาติยังนำสิ่งเหล่านี้ไปแปลเป็นภาษาอังกฤษส่งต่อความรู้กันมากมาย รายละเอียดดังนี้
คำสอนที่ 1 # แยกจิตแยกกาย
เมื่อไหร่ที่ธุรกิจเริ่มจะเกิดปัญหา มันง่ายมากที่จะกระทบกระเทือนต่อจิตใจ เกิดเป็นกระแสจิตแง่ลบ สังเกตได้ว่า เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหา คุณมักมองเห็นปัญหาอื่นตามมาอีกมากมายอยู่รอบตัว ราวกับว่าทุกอย่างมันพังทลายไปหมด หลักคำสอนพุทธ อธิบายขั้นตอนนี้เปรียบเสมือนการถูกแทงด้วยลูกศรสองดอก ลูกศรดอกแรกคือ "ผลกระทบ" ของเหตุการณ์ที่มากระทบตัวเอง ความรู้สึกไม่สบายที่มาจากการเหตุการณ์เหล่านี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ลูกศรดอกที่สองคือ "ปฏิกิริยาของคุณ" ต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งคุณสามารถเลือกกระทำได้ >> สมมติว่า คุณตัดสินใจผิดพลาด ลองสังเกตกายตนว่า คุณจะรู้สึกอารมณ์เสีย โกรธตัวเอง และเมื่อคุณปล่อยให้อารมณ์เหล่านี้ลงลึกถึงจิตใจ คุณจะเกิดความรู้สึกเศร้าหดหู่ ความทุกข์ไม่จำเป็นเหล่านี้จะเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ทันรู้ตัว เพราะมันเคลื่อนเร็วมาก ดังนั้นทางออกก็คือ คุณต้องสลัดทิ้งไปให้เร็วที่สุด แล้วรีบกลับเข้ามาในตัวธุรกิจ ทุกเหตุการณ์เป็นไปเพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเสมอ
คำสอนที่ 2 # อยู่กับปัจจุบัน
ผู้ประกอบการณ์มากมายจับจ้องอยู่กับอดีตและอนาคต ซึ่งทั้งหมดนั้นก็ล้วนเป็นผลมาจากการกระทำในปัจจุบันทั้งสิ้น "สิ่ง" ที่คุณกำลังทำในขณะนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะกลายเป็นอดีต เช่นเดียวกับ "ผล" ที่เกิดจากการกระทำในขณะนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะปรากฎขึ้นในอนาคต >> ดังนั้น ไม่สำคัญเลยว่าคุณทำธุรกิจล้มเหลวมากี่ครั้งแล้ว แต่สำคัญที่ว่าคุณกำลังทำอะไรในขณะนี้ ต่างหากคำสอนที่ 3 # ตนคือที่พึ่งแห่งตน
ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะทำธุรกิจประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว การอ้างข้อแก้ตัวจากสิ่งภายนอกที่ตนขาด และโทษว่านั้นทำให้ฉันทำธุรกิจล้มเหลว ยอมรับว่าอาจจะส่งผลให้เขาต้องพบเจออุปสรรคมากกว่าคนอื่น แต่ทุกคนไม่ได้เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง และทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจเป็นอาชีพไปเสียหมด เพียงแต่กล่าวข้ออ้างข้างต้นเพื่อทำให้ตนเองดูดีเสียมากกว่า >> ดังนั้น หากคุณเลือกเส้นทางชีวิตตนเองแล้ว คุณต้องการเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อ "ความสำเร็จ" และ "ความล้มเหลว" ของตัวคุณเอง ใครก็ตามที่เข้ามารบกวนคุณจากเป้าหมาย ไม่ว่าจะช่วยเหลือหรือทำร้าย จงอย่าไปเสียเวลามากนัก คุณควรเน้นย้ำการกระทำตัวเองให้มากที่สุด แล้วความสำเร็จจะก้าวมาหาคุณเช่นกัน
คำสอนที่ 4 # เพียรพยายามนำมาซึ่งความเจริญ
เหตุการณ์ไม่คาดคิดและความผิดหวังในการทำธุรกิจย่อมนำมาสู่ความล้มเหลว ขณะเดียวกับมันก็คือแรงผลักดันให้คนสู้ต่อไป หลายคนชื่นชอบความสำเร็จแบบชั่วข้ามคืน แต่นั้นไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่รูปแบบที่ทุกคนจะพบเจอ >> ดังนั้น หากคุณจริงจังกับการสร้างสิ่งสำคัญบางสิ่งบางอย่าง คุณต้องมี "ความตั้งใจ" "ทุ่มเทเวลา" และ "ความพยายาม" สุดกำลัง มันอาจจะใช้เวลาหลายปีก่อนที่คุณจะพบความสำเร็จ ดังนั้น อย่าได้ท้อล้มเลิกไปเสียก่อนจะถึงเวลานั้น
คำสอนที่ 5 # อย่าเป็นทุกข์จากไฟโทสะ
ตามหลักคำสอนพุทธ ท่านว่าความโกรธโมโหบรรดาโทสะ เปรียบเสมือน "ถ่านไฟร้อนๆ" ที่เราโยนใส่ผู้อื่น มักจะมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเสมอ ทั้งผู้อื่นและตนเราเอง ล้วนเป็นอารมณ์ที่ไม่ก่อประโยชน์ใดเลยกับการทำธุรกิจเลยสักนิดเดียว >> ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกโกรธลูกน้อง,ลูกค้า หรือใครก็ตามแต่ ลองสำรวจตนเองดูว่า เขาผู้นั้นทุกข์ร้อนอย่างที่เราเป็นอยู่หรือไม่? ผลคือเปล่าเลย มีแต่ตัวเราเป็นทุกข์ร้อนอยู่เพียงคนเดียว เปรียบเสมือน ตัวเราเดินเข้าไปเลือกดื่มยาพิษฆ่าตนเองอยู่ร่ำไป นั้นเอง
คำสอนที่ 6 # เดินทางสายกลาง
การตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไปหรือตึงเกินไปนั้น เป็นได้ทั้งการสร้างแรงจูงใจ และผลกระทบเชิงลบต่อภาคภูมิใจในตนเอง เช่น การดูถูกตนเอง หากสุดท้ายแล้วทำไม่สำเร็จ เป็นต้น ก่อนคิดทำธุรกิจ คุณจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดกับตัวคุณเสียก่อน >> ดังนั้น ลองหาสายกลางที่ไม่ "ตึง" หรือ "หย่อน" เกินไป และเข้ากับจังหวะชีวิตของตนเอง หมายความว่า คุณต้องมีการพัฒนาความเห็นอกเห็นใจในตัวเองเสียก่อน เกิดความเข้าใจในตัวเองเป็นพื้นฐาน
คำสอนที่ 7 # ส่งต่อกรรมดี
เมื่อคุณทำงานผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างหนัก จนธุรกิจประสบความสำเร็จ คุณอาจจะคิดว่ามันไม่แฟร์เลย หากคุณต้องมาเผยเคล็บลับให้ใครฟังแบบง่ายๆ ความจริงก็คือ การอนุญาตให้คนอื่นเพลิดเพลินไปกับเคล็บลับความสำเร็จของคุณ ทำให้คุณรู้สึกดี และเป็นวิทยาทานช่วยให้เขาได้พัฒนาธุรกิจของเขาต่อไป ตัวคุณเองก็ได้เครือข่ายพันธมิตรการทำธุรกิจเพิ่ม ได้เครดิตความเชื่อถือในการทำธุรกิจเพิ่ม ทั้งหมดคือการปลูกกรรมดีสำหรับอนาคตของตัวคุณเอง >> ดังนั้น เปรียบเสมือน เปลวไฟแท่งเทียน นานวันไป "แท่งเทียน" สั้นลง แต่ "เปลวไฟ" ที่ถูกส่งต่อกลับไม่เคยลดลง ก็เป็นเช่นเดียวกันการส่งต่อกรรมดี ขยายวงการส่งต่อความสุขนั้นเอง --เทอร์ร่า บีเคเค
บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก