สู้ร้อนปลอดภัย แนะวิธีหนี ฮีทสโตรก
“ร้อน ร้อน ร้อน…” กับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว กรมอุตุนิยมวิทยาประเมินว่า กลางเดือนเมษายนนี้ อากาศจะร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดอาจสูง 43-44 องศาเซลเซียส
งานนี้นอกจากต้องหาวิธีคลายร้อนแล้ว ข้อควรระวังคือ อะไรที่ไม่ควรปฏิบัติช่วงหน้าร้อน นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แนะนำว่า ขณะนี้สภาพอากาศในประเทศร้อนอบอ้าวมาก โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน อุณหภูมิบางแห่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียส เกินอุณหภูมิปกติของร่างกายซึ่งมีระดับที่ 37 องศาเซลเซียส จึงมีความเป็นห่วงสุขภาพประชาชนอาจมีการเจ็บป่วยจากอากาศร้อน โดยหากได้รับความร้อนสูง ร่างกายจะพยายามระบายความร้อนออก โดยการปรับเปลี่ยนอัตราและการหมุนเวียนโลหิต เพื่อทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิปกติ อย่างไรก็ตาม การดี่มน้ำก็สามารถช่วยได้ แต่เครื่องดื่มที่ไม่ควรดื่มในช่วงที่สภาพอากาศร้อน ก็คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ว่าจะดื่มโดยใส่น้ำแข็งหรือไม่ใส่ก็จะมีผลกระทบต่อร่างกายอย่างมาก ยิ่งหากมีโรคประจำตัว อาจถึงขั้นเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้
“โดยเฉพาะหากเป็นผู้มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก เนื่องจากในสภาวะที่อากาศร้อนอบอ้าวจะทำให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมผ่านเข้าสู่กระแสโลหิตได้เร็ว และจะเพิ่มแรงดันโลหิตให้สูงขึ้นกว่าช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นหรือในช่วงที่มีอากาศปกติ โดยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้หลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัว ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ผ่านทางเหงื่อและทางปัสสาวะได้ง่ายขึ้นไปอีก ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำรุนแรงซึ่งอาจทำให้ช็อกหมดสติ และมีโอกาสเสียชีวิตได้ แม้แต่คนที่ไม่มีโรคประจำตัว ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ส่งผลกับอวัยวะภายใน ทั้งตับ ไต หัวใจ โดยเฉพาะระบบประสาท สมอง ประกอบกับภาวะอากาศที่ร้อนและแล้ง จะมีผลให้ประชาชนเกิดความเครียด อารมณ์หงุดหงิดได้ง่ายขึ้น” นพ.โสภณ กล่าว
นพ.โสภณ บอกอีกว่า ดังนั้น ในกลุ่มผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงอยู่ใน 6 กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังช่วยภัยร้อน ซึ่งประกอบด้วย 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น ออกกำลังกาย กรรมกร ก่อสร้าง เกษตรกร 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้สูงอายุ 3.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง 4.คนอ้วน 5.ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ และ 6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยกลุ่มเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงก่อโรคที่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ คือ โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก (Heat Stroke) นั่นเอง โดยข้อมูลจากสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ระบุในระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2446-2556 มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดรวม 196 ราย เฉพาะช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน 2556 มีผู้เสียชีวิตจากลมแดด 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุมากกว่า 60 ปี รองลงมาผู้มีอาชีพรับจ้าง ผู้มีโรคประจำตัวและดื่มสุรา โดยเสียชีวิตในบ้านมากที่สุด รองลงมาที่ทำงานและในรถยนต์ ส่วน ปี 2556-2558 มีรายงานผู้เสียชีวิต 25, 28 และ 41 รายตามลำดับ
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : สสส.