หลังจากดื่มกาแฟยามเช้า พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน และดูอีเมล์ที่ได้รับมาแบบผ่านๆ เท่านี้ชั่วโมงแรกของการทำงานของคุณก็ผ่านไปแล้ว เราจะมาบอกเทคนิคในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในชั่วโมงแรกของการทำงาน

ทานอาหารเช้าก่อนออกไปทำงาน

อย่ารอจนกระทั่งคุณไปถึงออฟฟิศก่อนทานอาหารเช้า การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์พร้อมอาหารและกาแฟในตอนเช้า ความเป้นไปได้คือคุณจะใช้เวลาไปกับการท่องเวบและดูโซเชียลมีเดียมากกว่าการเริ่มทำงาน “คุณไม่สามารถเริ่มงานได้จริงๆเมื่อมีช้อนอยู่ในมือและต้องยื่นมือไปเพื่อทำอะไรซักอย่างอยู่ตลอดเวลา คุณจะเริ่มรู้สึกขี้เกียจ และมันจะไม่มีทางช่วยให้คุณรู้สึกมีประสิทธิภาพเท่าการที่คุณวางมือทั้งสองข้างไว้บนคีย์บอร์ด” Laura Stack นักพูดและผู้เขียน Doing the Right Things Right: How the Effective Executive Spends Time กล่าว

ทำรายการที่ต้องทำอย่างถูกต้อง

คนส่วนใหญ่ เตรียมรายการที่ต้องทำโดยใส่สิ่งที่ง่ายที่สุดอยู่เป็นอันดับต้นๆ เพื่อที่จะได้รู้สึกดีที่จะได้ขีดมันออกไปก่อน Charles Duhigg ผู้แต่ง Smarter Better Faster: The Secrets of Being Productive in Life and Business หนังสือขายดีติดอันดับของ New York Times กล่าว แต่นั่นเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจไม่ใช่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ ที่ถูกต้องจัดการกับรายการของคุณโดยใส่เป้าหมายระยะยาวไว้บนสุดเพื่อที่จะเป็นการเตือนตัวเองว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับคุณ และเป้าหมายประจำวันไว้ล่างสุดเพื่อที่คุณจะได้วางแผนว่าคุณจะทำอย่างไรเพื่อไปให้ถึง แผนประจำวันควรที่จะ เจาะจง วัดได้ สามารถทำได้จริง และอยู่ในกรอบเวลาที่เหมาะสม การที่เราใส่ใจความเป็นจริงในแง่ของเงื่อนเวลานั้นจะช่วยให้คุณรู้และประเมินได้อย่างถูกต้องว่ากิจกรรมแต่ละอย่างจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก่อนจะสำเร็จได้และจะช่วยให้การวางแผนของคุณเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

จับเวลา

บังคับตัวคุณเองให้อยู่ในช่วงการตั้งใจทำงาน โดยการตั้งกฎห้ามรบกวนขณะทำงาน นี่คือคำแนะนำของ Kevin Kruse ผู้แต่ง of 15 Secrets Successful People Know About Time Management หนังสือที่ได้รางวัลขายดีของ New York Times ตั้งเวลาไว้ที่ 50 นาทีจะช่วยให้คุณมีเวลามากพอที่จะจัดการงานของคุณอย่างจดจ่อก่อนจะเริ่มการพัก 10 นาที และหากคุณรู้สึกอยากที่จะพักหรือท่องอินเตอร์เนท ตั้งเวลาให้ตั้งเองมีเวลานอก 20 นาที แม้ว่ามือถือส่วนมากนั้นมีระบบจับเวลาแต่ Kruse แนะนำว่า คุรควรจะใช้เครื่องจับเวลาในครัวหรือนาฬิกาทราย เพื่อเป็นการเตือนทางกายภาพ และยังช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนอย่างการเตือนของแอพพลิเคชั่นในมือถือ อีกด้วย

เริ่มจากงานที่คุณนึกถึงมากที่สุด

นอกจากการเช็คอีเมล์และโซเชียลมีเดียผ่านๆ ลองคิดดูว่ามีงานไหนที่ติดอยู่ในใจคุณมากที่สุด “ดีที่สุดคือจัดการกับงานที่คุณรู้สึกสนใจมากที่สุด หรืองานที่รบกวนจิตใจของคุณมากที่สุด” David Allen ผู้แต่ง Getting Things Done: The Art of Stress-Free Productivity กล่าว การจัดการกับสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเครียดที่สุดออกไปจะช่วยลดความกดดันและช่วยให้คุณผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากนั้นทั้งวัน

ปิดการแจ้งเตือน

เมื่อคุณเริ่มเช็คโซเชียลมีเดีย สมองของคุณจะเริ่มหลั่งสารโดฟามีนและกระตุ้นระบบการให้รางวัลของสมอง แม้การแจ้งเตือนนั้นแท้จริงแล้วจะไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เทคนิคคือการหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนต่างๆ โดยปิดการแจ้งเตือนทางมือถือ

อย่า (เพิ่ง) ดื่มกาแฟ

แม้ว่าคาเฟอีนจะเป็นตัวช่วยที่ให้พลังงานกับคุณในการทำงานทั้งวัน แต่พลังงานนั้นอาจจะถูกใช้ไปจนหมดและทำให้คุณรุ้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าเดิม Chris Bailey ผู้แต่ง The Productivity Project กล่าว เก็บกาแฟของคุณเอาไว้เมื่อยามที่คุณต้องการจริงๆแทนที่จะดื่มกาแฟเป็นสิ่งแรกในตอนเช้าโดยอัตโนมัติ

ฟังเสียงที่สงบ

การใส่หูฟังสามารถช่วยให้คุณลดเสียงรบกวนต่างๆได้ แต่อย่าเลือกเอาเพลงที่กำลังเป็นที่นิยม แบบที่มีทั้งเสียงบรรเลงและเนื้อร้องมาฟัง แทนที่จะฟังเพลงแนวนั้นลองหันมาฟังเพลงที่ถูกเล่นในสปา เสียงนกร้อง หรือ เสียงฝนตก มาฟังแทน

เตือนตัวเองให้นึกถึงภาพใหญ่

ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวเองไปกับจังหวะของวัน มันอาจจะยากสำหรับคุณที่จะเริ่มงานประจำที่น่าเบื่อ การที่คุณรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมจะช่วยให้คุณสามารกระตุ้นตัวองได้ เริ่มจากการทำในสิ่งที่มีความหมาย เชื่อมความรับผิดชอบประจำวันของคุณกับสาเหตุแท้จริงที่คุณยังคงทำงานอยู่ สาเหตุสำคัญที่คนบางคนนั้นทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าคนอื่นๆ นั้นเป็นเพราะพวกเขาคิดมากกว่าในสิ่งที่พวกเขาต้องทำและเหตุผลที่ต้องทำ และเมื่อคุณสามารถรู้สึกได้ถึงความเชื่อมต่อนั้น มันจะง่ายขึ้นที่คุณจะรู้สึกผลักดันตัวเอง

ทำในสิ่งที่สร้างสรรค์

ในช่วงเวลาเช้า สมองส่วนหน้าของคุณจะเริ่มทำงาน สมองส่วนนี้ดูแลในส่วนของความคิดแบบตรรกะเท่านั้น ซึ่งก็คือคุณจะไม่สนใจนักว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับสิ่งที่คุณทำตราบใดที่สิ่งที่คุณทำยังถูกต้องตามตรรกะของคุณ ดังนั้นแล้วคุณจึงจะสามารถคิดถึงความคิดสร้างสรรค์ต่างๆได้ดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก : /www.rd.com