“จตุจักร-บางซื่อ” ทำเลรอยต่อของอนาคตและคลื่นลูกใหม่

ทำเล “จตุจักร-บางซื่อ” ได้กลายเป็นทำเลที่เป็นที่จับตามองด้านการพัฒนาในอนาคตอีกทำเลหนึ่ง ด้วยการเติบโตของย่านศูนย์กลางธุรกิจชั้นใน (CBD) ที่หลงเหลือที่ดินให้พัฒนาไม่มาก การกระจายความเจริญเริ่มเขยิบออกไปทางเมืองชั้นนอกเพื่อให้เกิดการเติบโตของเมืองแบบเมืองหลายศูนย์กลาง ทำเล จตุจักร-บางซื่อเอง ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชนต่างให้ความสนใจ สังเกตได้จากในปัจจุบันทำเลจตุจักรและบางซื่อ มีทั้งอาคารสำนักงานเกรด A, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, สถานศึกษาทั้งในระดับมัธยมและอุดมศึกษา, แหล่งจับจ่ายใช้สอยของคน Gen-Y และ Gen-Z ซึ่งถือเป็นกลุ่มอายุที่มีอิทธิพลทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับของชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยการมีตลาดนัดหรือ street market ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมไปถึงการพัฒนาด้านการคมนาคมที่รองรับการเดินทางอย่างสะดวกสบายทั้งรถเมล์, รถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน นอกจากนั้นในบริเวณนี้ยังมีย่านของชุมชนดั้งเดิม ลักษณะอาคารเป็นอาคารพาณิชย์ชุมชนและบ้านเดี่ยวซึ่งมีความเงียบสงบ เหมาะสมกับการอยู่อาศัย ด้วยส่วนผสมเหล่านี้ทำให้พื้นที่บางซื่อ - จตุจักรเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงและยังเป็นคล้ายๆย่านรวมตัวใหม่ของคน Gen Y และ Gen-Z คลื่นลูกใหม่ของเมืองไทย

1. พื้นที่ตั้งของสังคมคุณภาพ

บริเวณพื้นที่รัศมี 3 กิโลเมตรโดยรอบ จตุจักร-บางซื่อ นั้น เป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงาน ที่เป็นตึกสูงเรียงรายอยู่ทั้งทางด้านฝั่งถนนวิภาวดี, ถนนพหลโยธิน และถนนประชาชื่น อาทิเช่น อาคารสำนักงาน SCG Experience, AIS Tower, PTT Energy Complex, อาคารเล่าเป้งง้วน1, อาคารซันทาวเวอร์, อาคารชินวัตรทาวเวอร์ เป็นต้น ซึ่งเป็น Office Building เกรด A-B และเป็นแหล่งงานของบุคลากรที่มีคุณภาพและมีกำลังซื้อสูง
นอกจากนั้นยังอยู่ไม่ไกลจาก สถานศึกษาชั้นนำของกรุงเทพและโรงพยาบาล อย่าง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนหอวัง โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ซึ่งความเพียบพร้อมเหล่านี้เป็นผลให้การอยู่อาศัยในบริเวณย่านนี้มีความคึกคัก อีกทั้งยังเป็น พื้นที่ที่ส่งเสริมด้านคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยระยะทางที่ใกล้กับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ อย่าง สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์, สวนจตุจักร และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ซึ่งเป็นปอดใหญ่ของคนกรุงเทพฯ อีกด้วย

2. “จตุจักร - บางซื่อ” พื้นที่แห่งไลฟ์สไตล์

ภายในบริเวณพื้นที่จตุจักร-บางซื่อ นอกจากจุดบรรจบและจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ไปจนถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิตแล้ว จตุจักร-บางซื่อ ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญด้านการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคน Gen-Y และ Gen-Z ที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 15-35 ปี ที่นิยมมาจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดของกรุงเทพฯ ดังนั้นจะเรียกว่าจตุจักร-บางซื่อเป็นพื้นที่ที่รองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ของกรุงเทพฯ ก็คงจะไม่มากจนเกินไป

  • Central Plaza Ladprao : ศูนย์การค้าครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ร้านค้าปลีกที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ และคอนเวนชั่นฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ไม่เพียงเป็นศูนย์การค้าครบวงจรแห่งแรก ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์การค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยสามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการได้มากกว่า40 ล้านคนต่อปี
  • Union Mall : ห้างสรรพสินค้าภายใต้แนวคิด “ Booth Brand Concept” ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าว อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว เน้นการขายเสื้อผ้าแฟชั่นทั้งแบบเกาหลี ญี่ปุ่น และยังเป็นห้างสรรพสินค้ายอดนิยมของกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุเริ่มต้นตั้งแต่ 14-20 ปลายๆ ซึ่งถือเป็น 70% ของกลุ่มผู้ใช้บริการทั้งหมด
  • ตลาดนัดจตุจักร : ตลาดนัดยอดนิยมตลอดกาลของวัยรุ่นเมืองกรุงและยังเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยการรวมตัวของแผงค้ากว่า 9,000 แผง มีสินค้า 8 ประเภท ได้แก่ ผักและผลไม้ เสื้อผ้า สัตว์เลี้ยง ต้นไม้ อาหารปรุง อาหารสำเร็จรูป และเบ็ดเตล็ด ถึงแม้จะเปิดให้บริการในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ก็มีผู้ใช้บริการกว่า 200,000 คนต่อวัน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกาหลี, ญี่ปุ่น และจีน
  • ตลาดนัดจตุจักรกรีน (เจเจกรีน) : แหล่งจับจ่ายใช้สอยยอดฮิตของกลุ่มวัยรุ่นในปัจจุบัน แหล่งรวมสินค้าสไตล์คลาสสิค วินเทจ อาทิเช่น เสื้อยืด, งานแฮนด์เมด, ของสะสม, ของแต่งบ้านมือสอง, รถคลาสสิคและอะไหล่ รวมไปถึงบาร์ที่พร้อมตอบโจทย์ความครึกครื้นของช่วงคืนวันศุกร์-อาทิตย์ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับตั้งแต่ตลาดนัดเจเจกรีนได้เปิดให้บริการ ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก และได้มีการขยายตลาดเพิ่มไปจากเดิมถึง 2 เฟส
  • JJ Mall : ตั้งอยู่บริเวณถนนกำแพงเพชร2 ด้านหลังของตลาดนัดจตุจักร ศูนย์การค้าที่รวมสินค้าคุณภาพและราคาถูกจากแหล่งต่างๆ เช่น ใบหยก, โบ้เบ้, สินค้าพื้นเมือง, สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และสินค้านำเข้า เปิดให้บริการทุกวัน
  • ตลาดสด อตก. : ตลาดขายของสดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง แหล่งนัดพบระหว่างผู้ขายผลิตผลทางการเกษตรและผู้ซื้อ จำหน่ายสินค้าประเภทผัก ผลไม้ น้ำพริก อาหารประเภทข้าวและกับข้าว ขนมไทย อีกทั้งยังเป็นตลาดสินค้าทางการเกษตรต้นแบบของประเทศไทยอีกด้วย

3. ร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ ที่ตอบรับรสนิยมของคนรุ่นใหม่

พื้นที่ไลฟ์สไตล์ในทำเล จตุจักร-บางซื่อ ไม่ได้มีเพียงแค่เฉพาะห้างสรรพสินค้าหรือตลาดเพียงเท่านั้น แต่การแสดงออกในด้านรสนิยม, ความเฉพาะตัว และการใช้ชีวิตของคน Gen-Y และ Gen-Z ในทำเลจตุจักร-บางซื่อนั้น ยังมีให้เห็นในรูปแบบของร้านกาแฟ, ร้านอาหาร และบาร์ ที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งจะเน้นการตกแต่งและการให้บริการที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ
The Art Wins Canteen and Bar

- ร้านกาแฟและอาหารรูปแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโรงอาหารในซิดนีย์ ตกแต่งโดยให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนทานข้าวที่บ้าน ด้วยโทนสีครีมและเฟอร์นิเจอร์หวาย ที่คล้ายๆเป็นสัญลักษณ์ของร้าน

“The Art Wins Canteen and Bar” ขอบคุณภาพประกอบจาก : bkkmenu.com

Kopi Cino

- ร้านกาแฟเล็กๆที่ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสภากาแฟยุคเก่าให้ทันสมัยมากขึ้น มีความเฉพาะตัวด้วยความเรียบง่ายและบรรยากาศแบบสภากาแฟที่เป็นกันเอง

“Kopi Cino” ขอบคุณภาพประกอบจาก : foodsawasdee.com

The Third Pig

- ร้าน hang out ยอดนิยมของหนุ่มสาวชาวออฟฟิสในย่านนี้ และสร้างความเฉพาะตัวของร้านผ่านเรื่องเล่าในนิทานเด็ก “ลูกหมูสามตัว” ตั้งอยู่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว

“The Third Pig” ขอบคุณภาพประกอบจาก : chillpainai.com

Method to My Madness

- บาร์ที่มีความฉูดฉาดอย่างมากเรื่องของเอกลักษณ์ที่ส่งผ่านเสียงเพลง, การตกแต่งร้าน และเป็นพื้นที่กลางสำหรับแสดงงานศิลปะแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักศึกษาและชาวออฟฟิสสายครีเอทีฟและดีไซน์

“Method to My Madness” ขอบคุณภาพประกอบจาก : checkraka.com

4. Design Showroom จุดเริ่มต้นของนักออกแบบไทย

เนื่องจากพื้นที่ทำเล จตุจักร-บางซื่อ เป็นศูนย์รวมของแหล่งจับจ่ายใช้สอยที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ทำให้กำลังซื้อของคนที่ใช้บริการในทำเลนี้อยู่ในระดับกลาง เนื่องจาก Gen-Y และ Gen-Z เป็นกลุ่มคนที่ยังไม่มีรายได้หรือเพิ่งเริ่มต้นทำงาน ดังนั้นการสร้างมูลค่าของสินค้า จึงเน้นไปที่การออกแบบ, การสร้างสรรค์ความเฉพาะตัวในสินค้า, การสร้างแบรนด์และเน้นปริมาณการขาย อีกทั้งด้วยการเป็นแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ทำให้มีคนรุ่นใหม่มากมายได้เล็งเห็นศักยภาพของตลาดและใช้พื้นที่นี้เป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง อย่าง A.M.P - เสื้อยืดแนวสตรีทแฟชั่นที่ดำเนินธุรกิจมาแล้ว 10 ปี, US AND THEM - ผลงานเสื้อยืด ที่มีตัวแทนจำหน่ายเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย และยังมีการจัดจำหน่ายที่ฝรั่งเศสอีกด้วย, NORM - สตรีทแฟชั่นที่มีกลุ่มลูกค้าอยู่ในระดับนักศึกษามหาวิทยาลัยและวัยทำงานตอนต้น, My’ warisa - รองเท้าสวมใส่ง่ายของผู้หญิงวัยนักศึกษาและวัยทำงานตอนต้น ทำรายได้กว่า 15 ล้านบาทต่อเดือน, Muper’s Bangkok - รองเท้าสวมใส่สำหรับผู้ชายที่มีกลุ่มลูกค้าระดับวัยทำงานตอนต้นและนักศึกษา, Partly Cloudy - ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ออกแบบโดยสถาปนิกที่สามารถคว้ารางวัล A’ Design Award & Competition จากประเทศอิตาลี
ดังที่ได้นำเสนอมาข้างต้น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของนักออกแบบในทำเล จตุจักร-บางซื่อเท่านั้น แต่เพียงเท่านี้ก็สามารถสรุปได้ว่าทำเลนี้ เป็นอีกหนึ่งย่านที่เป็นแหล่งรวมตัวของคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้า สินค้าและบริการเนืองแน่นไปด้วยความเฉพาะตัวจนทำให้เกิดเอกลักษณ์ในแต่ละแบรนด์ ซึ่งเป็นรูปแบบสินค้าที่ถูกใจผู้บริโภคในยุคสมัยนี้มากที่สุด จึงทำให้กลุ่มคลื่นลูกใหม่มากมายเข้ามาแสวงหาโอกาสจากศักยภาพในพื้นที่แห่งนี้เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง

5. Mega Project หนุน ยกระดับเป็นศูนย์กลางธุรกิจในอนาคต

ไม่เพียงแต่คนรุ่นใหม่เท่านั้นที่เล็งเห็นศักยภาพของทำเลนี้ แต่ยังมีอีกปัจจัยที่สำคัญที่ช่วยยกระดับการพัฒนาในบริเวณ จตุจักร - บางซื่อ คือโครงการยักษ์จากภาครัฐและเอกชนหลายโครงการที่จะพลิกโฉมหน้าของทำเลนี้ให้เปลี่ยนไปตลอดกาล นอกเหนือจากที่ปัจจุบันทำเลนี้มีศักยภาพเพราะเป็นทำเลจุดตัดของรถไฟฟ้า BTS – MRT แล้ว ความเคลื่อนไหวของการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อเอง ก็นำพาสัญญานการพัฒนาและการลงทุนเข้ามาสู่พื้นที่นี้อีกมากมาย ศูนย์คมนาคมพหลโยธินและสถานีกลางซื่อ เนื่องจากบริเวณพื้นที่ จตุจักร - บางซื่อ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญที่มีระบบคมนาคมรองรับการเดินทางหลายรูปแบบ ถนนหลายสายสามารถเชื่อมต่อระหว่างเมืองชั้นนอกและเมืองชั้นในได้อย่างสะดวก อาทิเช่น ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนรัชดาภิเษก ถนนประชาชื่น ทางพิเศษศรีรัช และทางยกระดับอุตราภิมุข นอกเหนือไปกว่านั้น สิ่งที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดสำคัญที่ทำให้ทำเลนี้พิเศษกว่าทำเลอื่นๆ นั่นก็คือ การเป็น Interchange ของระบบการขนส่งทางราง บนพื้นที่กว่า 2,300 ไร่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ "โครงการศูนย์คมนาคมพหลโยธินหรือสถานีกลางบางซื่อ" ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งเต็มรูปแบบ เนื้อที่กว่า 1,176 ไร่ ประกอบไปด้วยพื้นที่กิจกรรมเดิมของ รฟท. 685 ไร่ พื้นที่สร้างสถานีกลางบางซื่อ 487 ไร่ งบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นศูนย์กลางของระบบขนส่งทางราง ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้า Airport Rail Link ได้แก่
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ช่วงบางซื่อ-พญาไท
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ
  • โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ
  • โครงการรถไฟความเร็วสูง (เป็นโครงการในอนาคตมีแผนดำเนินงานไม่เกินปี พ.ศ.2575)
นอกเหนือจากการพัฒนาศูนย์กลางคมนาคมแล้ว ยังนำ แนวคิดการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีหรือ TOD (Transit Oriented Development) มาใช้พัฒนาพื้นที่รอบๆด้วย แนวทางการพัฒนาแบบ Mix-used Complex แบ่งออกเป็น 4 โซน คือ
  • โซน A : Smart Business Complex ศูนย์กลางธุรกิจครบวงจร ประกอบไปด้วย อาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์อาหารและบริการต่างๆ รองรับนักเดินทางและนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มีพื้นที่ 35 ไร่
  • โซน B : ASAEN Commercial and Business Hub ศูนย์กลางด้านพาณิชยกรรมและการค้าปลีกระดับอาเซียน พื้นที่บริเวณตลาดนัดจตุจักร มีพื้นที่ 78 ไร่
  • โซน C : Smart Healthy and Vibrant Town ศูนย์กลางด้านสาธารณสุขของเมือง ประกอบไปด้วยโรงพยาบาล โรงเรียน และที่อยู่อาศัย มีพื้นที่ 105 ไร่
  • โซน D : World Renowned Garden & Interchanged Plaza จุดเชื่อมต่อการเดินทางและพื้นที่การค้า อยู่บริเวณสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) พื้นที่สีเขียวปอดของคนกรุงเทพฯ ประกอบไปด้วย สปอร์ตคอมเพล็กซ์และที่จอดรถแบบ Park & Ride มีพื้นที่ 87.5 ไร่

“สถานีกลางบางซื่อ” ขอบคุณภาพประกอบจาก : การรถไฟแห่งประเทศไทย

โครงการพัฒนาพื้นที่ กม.11 นอกเหนือจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจับมือร่วมกับสำนักงานขนส่งแห่งประเทศไทย พัฒนาพื้นที่บางซื่อให้กลายเป็นสถานีกลางบางซื่อแล้ว ยังมีที่ดินที่มีศักยภาพสูงและยังไม่ได้รับการพัฒนา ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจึงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่ในโครงการพัีฒนาพื้นที่ กม.11 เนื้อที่กว่า 359 ไร่ โดยระยะเวลาของสัญญายังอยู่ในช่วงการเจรจา พื้นที่ กม.11 มีแนวทางการพัฒนาแบ่งออกเป็น 5 โซน ดังนี้
  • โซน 1 อาคารสำนักงาน : เนื้อที่ประมาณ 64 ไร่ เชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตเข้ากับถนนกำแพงเพชร เพื่อรองรับอาคารสำนักงานที่ทันสมัย เดินทางสะดวก และใกล้กับศูนย์การค้าชั้นนำ
  • โซน 2 ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ : เนื้อที่ประมาณ 540,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยพื้นที่แสดงสินค้า ร้านอาคาร โรงแรม 4 ดาว ลานจอดรถขนาดใหญ่ และ Rooftop Garden รองรับคนทำงานและนักธุรกิจจากทุกสารทิศ
  • โซน 3 โรงพยาบาลนานาชาติ : พื้นที่ประมาณ 24 ไร่ จัดสรรเพื่อพัฒนาขึ้นเป็นโรงพยาบาลนานาชาติแห่งใหม่ รองรับกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ
  • โซน 4 ที่พักอาศัย (Lease Hold) : จัดสรรที่ให้ที่อยู่อาศัยแบบอาคารสูง เงียบสงบและอยู่ใกล้ชิดสวน
  • โซน 5 ที่พักอาศัยสำหรับเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ : เนื้อที่ 16.3 ไร่ อยู่บริเวณริมถนนกำแพงเพชร เป็นอาคารพักอาศัยของพนักงานทุกระดับชั้น สิ่งอำนวยความสะดวก สนามกีฬา พื้นที่เอนกประสงค์ ตลาดและร้านค้า

“โครงการพัฒนาพื้นที่ กม.11 ” ขอบคุณภาพประกอบจาก : การถไฟแห่งประเทศไทย

โครงการทางยกระดับเชื่อมเส้นทางพิเศษศรีรัช - วงแหวนรอบนอก เพื่อรองรับการเดินทางที่หลากหลายจากสถานีกลางบางซื่อ จึงมีการพิจารณาก่อสร้างทางยกระดับจากสถานีกลางบางซื่อ เข้าสู่ทางพิเศษศรีรัช ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับทำเลจตุจักร - บางซื่อ มากยิ่งขึ้น แม้ปัจจุบันจะยังไม่ได้กำหนดเวลาที่แน่ชัดแต่ก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก พิจารณาได้จากการก่อสร้างทางด่วนสายศรีรัช - วงแหวนรอบนอกที่พร้อมเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2559 นี้ ระยะทางเริ่มจากถนนกาญจนาภิเษก ขนานกับเส้นทางรถไฟชานเมืองสายสีแดง ปลายทางที่ทางรถไฟบางซื่อใกล้สถานีขนส่งหมอชิต2 ระยะทางรวม 16.7 กม.

6. สถานการณ์คอนโดมีเนียมทำเล “จตุจักร - บางซื่อ”

ทำเลจตุจักร-บางซื่อ ทำเลโดดเด่นด้านการคมนาคมสัญจร ด้วยพื้นที่รอบรับโครงข่ายคมนาคมจากการลงทุนภาครัฐ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่อย่างตลาดนัดจตุจักร ล้วนสะท้อนถึงความเจริญของพื้นที่ได้อย่างดี จึงไม่แปลกใจ หากภาคเอกชนจะเลือกทำเลนี้ พัฒนาที่ดินจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม หากจะกล่าวถึงสถานการณ์ภาพรวมคอนโดมิเนียมทำเลนี้ ช่วงสถานีบางซื่อไปถึงพหลโยธิน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า ระดับราคา Resale ปรับตัวสูงขึ้นจาก Presale เฉลี่ย 7.5 -15.5% ต่อปี ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ขณะที่อัตราผลตอบแทบจากค่าเช่าของคอนโดมิเนียมมือสองในทำเลนี้เฉลี่ยอยู่ในช่วง 3.5 – 6.2% รายละเอียดดังนี้
การเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า ภาพรวมการเปิดตัวคอนโดมิเนียในทำเลจตุจักร-บางซื่อ มักจะเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ เฉลี่ยปีละ 1-2 โครงการ มีช่วงว่างเว้นบ้างในปี 2012-2013 แต่ในปี 2014 ก็พบการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่บางซื่อ-เตาปูน ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าใต้ดิน, รถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในอนาคต สำหรับราคาเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ในทำเลนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาเรื่อยตามความเจริญของพื้นที่ จากราคาขายเฉลี่ย 56,500 บาทต่อตารางเมตรในปี 2010 ขยับขึ้นมาเกาะกลุ่มอยู่ในช่วง 70,000-90,000 บาทต่อตารางเมตร อยู่หลายปี ก่อนจะแตะราคาขายระดับเงินแสนต่อตารางเมตรในปัจจุบัน

การเปลี่ยนแปลงราคาขายคอนโดมิเนียม ในทำเลจตุจักร-บางซื่อ มีการปรับตัวของราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากระดับราคา Presale เฉลี่ยหลักหมื่นบาทปลายๆ กลายเป็นระดับราคา Resale เฉลี่ยหลักแสนบาท โดยพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาขายโดดเด่นที่สุด เห็นจะเป็น คอนโดมิเนียมสถานีจตุจักร ที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาเฉลี่ย 15.5% ต่อปี สังเกตได้จากกระแสตอบรับอย่างดี บางโครงการสามารถ Sold out ได้ในเวลาไม่นาน โครงการที่กำลัง Active ในขณะนี้ อาทิเช่น โครงการ M Jatujak เปิดตัวในปี 2014 ด้วยราคา Presale ประมาณ 120,000 บาทต่อตารางเมตร ก่อนจะขยับมาเป็นราคาเฉลี่ย 160,000 บาทต่อตารางเมตรในปัจจุบัน ขณะที่ คอนโดมิเนียมสถานีพหลโยธิน มีการเปลี่ยนแปลงราคาเฉลี่ยราว 11.5% ต่อปี โครงการที่กำลัง Active ในขณะนี้ อาทิเช่น โครงการ M Ladprao จากราคา Presale เมื่อปี 2011 เฉลี่ยราว 87,500 บาทต่อตารางเมตร มาเป็นราคาเฉลี่ย 170,000บาทต่อตารางเมตร, โครงการ The Saint Residences จากราคา Presale เมื่อปี 2014 เฉลี่ยราว 130,000 บาทต่อตารางเมตร มาเป็นเฉลี่ย 145,000 บาทต่อตารางเมตร เป็นต้น ส่วน คอนโดมิเนียมสถานีบางซื่อ มีการเปลี่ยนแปลงราคาเฉลี่ยราว 7.5% ต่อปี ราคาขายเฉลี่ยราว 98,750 บาทต่อตารางเมตร

สถานการณ์คอนโดมิเนียมมือสอง ภาพรวมคอนโดมิเนียนมือสองในทำเลจตุจักร-บางซื่อมี ระดับราคาขายเฉลี่ย 86,000-165,000 บาทต่อตารางเมตร ค่าเช่าเฉลี่ย 9,500-25,000 บาทต่อเดือน อัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเฉลี่ย 3.5-6.2% สำหรับพื้นที่ Cap Gain โดดเด่น ได้แก่ คอนโดมิเนียมสถานีจตุจักร Cap Gain 10-18% ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว รองลงมาเป็น คอนโดมิเนียมสถานีพหลโยธิน Cap Gain 7-12% และคอนโดมิเนียมสถานีบางซื่อ Cap Gain 4-10%

โดยรวมแล้วบริเวณรอบๆทำเลจตุจักร-บางซื่อนั้น ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะบริเวณช่วงจตุจักร ซึ่งมีตัวเลขการขยับขึ้นของราคาคอนโดมิเนียมที่น่าสนใจทีเดียว เนื่องจากทำเลนี้ค่อนข้างครบครัน รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อไปได้หลากหลายช่องทาง อีกทั้งถ้าโครงการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อและโครงการพื้นที่ กม.11 ของทางการรถไฟแล้วเสร็จ ก็น่าลุ้นว่าพื้นที่บริเวณนี้คงดึงดูดการพัฒนาและผู้คนจำนวนไม่น้่อยเข้ามาในทำเลนี้อย่างแน่นอน ในปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีการเร่งรุดพัฒนาคอนโดมิเนียมตลอดแนวทำเลจตุจักร บางซื่อ และพหลโยธิน ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนได้ว่า ทุกสายตาต่างเห็นพ้องตรงกันว่าทำเลนี้เป็นทำเลศักยภาพ และถูกยกให้เป็นทำเลที่น่าสนใจที่สุดอีกหนึ่งแห่งของกรุงเทพฯในช่วงปีนี้เลยทีเดียว --เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก