ใช้จ่ายผ่านบัตร อย่างไร ให้เกิดประโยชน์ไม่เป็นหนี้สิน
ปัจจุบันการจับจ่ายใช้สอย เริ่มเข้าสู่ยุคเงินอิเลคทรอนิก ขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เงินสดจะค่อยๆมีบทบาทน้อยลง แบบที่ต่างประเทศกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในบ้านเราเอง อาจจะเปลี่ยนแปลงไปแบบช้าๆเพราะยังติดการใช้จ่ายเงินสดอยู่มาก แต่ถึงอย่างไรก็ดี สถาบันการเงินต่างๆก็พยายามออกบัตร รูปแบบต่างๆออกมาเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นบัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต บัตรเดบิต ที่มีอยู่มากมาย สำหรับคนยุคใหม่ การใช้จ่ายผ่านบัตรต่างๆเหล่านี้สามารถทำได้ง่าย สะดวกสบาย ทำให้การใช้ชีวิตงานขึ้น แต่หากว่าเรา หลงลืมใช้ จนเกินพอดี จนทำให้เกิดเป็นหนี้สินขึ้นมาแบบนี้ก็คงจะไม่ดีแน่ จะความสะดวกสบาย จะกลายเป็นความทุกข์ทันที ดังนั้น Masii เป็นห่วงการใช้จ่ายที่จะทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ วันนี้เรามี ข้อคิดแนวทางการใช้ บัตรเครดิตร บัตรเดบิตร ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์และไม่เกิดเป็นหนี้สิน มาฝากกันด้วยครับ
1. เลือกใช้บัตรให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้งานของเรา
อันดับแรกในการจะเลือกใช้งานบัตรสักใบสิ่งแรกที่เราควรคำนึงถึงคือรูปแบบหรือลักษณะในการใช้งานของเราว่าต้องการใช้งานด้านใดเช่นใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไป จ่ายบิลต่างๆ ใช้ผ่อนสินค้า หรือเน้นการกินเที่ยว เป็นหลัก เพราะบัตรแต่ละประเภทจะมีสิทธิประโยชน์ที่เอื้อต่อการใช้งานของเราที่แตกต่างกันเช่น Cash Back หรือเงินคืนเมื่อใช้จ่ายครบตามจำนวน การผ่อนชำระ 0% หรือส่วนลดจากร้าน ที่พักต่างๆ ซึ่งหากใครสงสัยหรือคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยากกับการต้องมาหาข้อมูลเปรียบเทียบ masii บริการช่วยเปรียบเทียบ บัตรเครดิตร ในรูปแบบต่างๆเพียงคุณเลือกว่าลักษณะการใช้งานของคุณเป็นแบบใด เท่านี้ก็จะได้ข้อมูลการเปรียบเทียบสิทธิพิเศษหรือรายละเอียดดีๆให้กับคุณแล้วแค่นี้ง่ายนิดเดียว
2. วางแผนการใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ
อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินตัว ในส่วนของบัตรเครดิต เป็นการดึงเงินของอนาคตมาใช้คุณใช้จ่าในวันนี้ แต่พอถึงสิ้นเดือนก็ต้องจ่าย อยู่ดีดังนั้นต้องคำควรการใช้จ่ายไม่ให้เกินกำลังที่เราจะสามารถชำระหนี้ได้ในช่วงสิ้นเดือน ไม่เช่นนั้นก็จะยิ่งกระทบกับเงินที่ใช้จ่ายในส่วนรายวันไปอีก อาจต้องกู้ยืนหรือเกิดเป็นหนี้สินขึ้นมาได้ และในส่วนของบัตรเดบิต คือการใช้จ่ายเงินสดในบัญชีผ่านทางบัตรเดบิต ดังนั้นควรแบ่งแยกบัญชีเงินสำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรนี้ออกมาจากส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายหลักรายเดือน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการใช้งานจนหมด ที่สำคัญของการใช้บัตรของทั้งสองแบบนี้คือ อย่าหลงกับความง่ายความสะดวก จะใช้จ่ายเกินตัว
3. จ่ายตรงเวลา เต็มจำนวน ไม่ควรจ่ายขั้นต่ำ
ถ้าเราวางแผนการใช้จ่ายได้ดี ปัญหาเรื่องการชำระหนี้ตรงเวลา เต็มจำนวนก็คงไม่ใช่ปัญหาแน่นอน แต่หากเกิดใช้จ่ายเกินความสามารถที่เราจะจ่ายได้ ก็ต้องพยายามจ่ายชำระในยอดที่มากที่สุดเท่าที่เราสามารถจ่ายไหวและรีบปิดยอดหนี้ ให้เร็วที่สุด เพื่อลดปัญหาดอกเบี้ย อย่าลืมว่าบัตรประเภทนี้ จะมีการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมากหากเราชำระไม่ตรงเวลา ดังนั้นไม่ควรใช้จ่ายอย่างมีสติและชำระให้ตรงเวลาตามยอดที่ใช้จ่ายจะดีที่สุด
4. ห้ามกดเงินสดจากบัตรเครดิต
เป็นเรื่องที่ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง ที่จะไม่กดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้จ่าย เพราะบัตรประเภทนี้นอกจากจะต้องจ่ายดอกเบี้ยกับจำนวนเงินที่คุรกดมาแล้วนั้น เรายังต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 3% จากการถอนเงินสด อีกด้วย และถ้ายิ่งจ่ายขั้นต่ำ จ่ายไม่ตรงเวลาแล้วด้วยละก็ ต้องบอกเลยว่าคุณต้องเตรียมแบกรับ ดอกเบี้ยอันสูงปรี๊ดไว้ได้เลย
5. ไม่ควรใช้บัตรเครดิตหลายใบ
จากผลการสำรวจจากสถาบันการเงินพบว่าคนที่ใช้จ่ายบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตหลายๆใบมีโอกาสเป็นหนี้สูงเพราะ ด้วยความเคยชินในการใช้จ่าย คิดว่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย หรือจำนวนไม่มากจนลืมว่ามีการใช้งานหลายใบ เมื่อถึงเวลาเรียกชำระรวมๆแล้วก็เป็นยอดที่มากขึ้นมา เมื่อไม่มีจ่ายก็ต้องกดเงินสดจากบัตรมาเพื่อ จ่ายยอดของอีกบัตร เป็นการหมุนเงิน เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อย และแน่นอนสิ่งที่ตามมาคือดอกเบี้ยที่จะเพิ่มพูนขึ้นไม่รู้จบ จนน่ากลัว กลายเป็นหนี้ไม่จบสิ้น ดังนั้นควรเลือกใช้บัตรแค่ที่จำเป็นอาจมีติดไว้เพียง 1-2 ใบเท่านั้น ก็เพียงพอแล้ว เราคิดว่าหลายคนคงจะเริ่มมีแนวทางในการจัดการหรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์ไม่เป็นหนี้สิน แต่ยังไงก้แล้วแต่ ก้อยากให้ทุกคนใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่ว่าจะเป็นการใช้ในรูปแบบไหนอย่าลืมว่าก็ควรจัดสรรเงินสำหรับเก็บออมเพื่ออนาคต เอาไว้ทำตามความฝันกันด้วยนะครับ เพื่อว่าอนาคตของเราจะได้มีใช้ จ่ายอย่างสบาย
ขอบคุณข้อมูล จาก : Masii.co.th