สรุป ผลประกอบการ “7 เครื่องดื่ม” ปี 2559
สรุป ผลประกอบการ “7 เครื่องดื่ม” ปี 2559พบว่าโดยบริษัทที่ทำรายได้สูงโดดเด่นของกลุ่ม คือคาราบาวกรุ๊ป(CBG)1.01 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตัวเลขทางกำไร บริษัทที่โดดเด่นที่สุดจะเป็น มาลีกรุ๊ป(MALEE)ที่มี ROE สูงสุด 37.54% ขณะที่ เสริมสุข(SSC)เป็นบริษัทเดียวที่ยังมีตัวเลขติดลบอยู่ในหลายอัตราส่วนทางการเงิน
TerraBKK Researchสังเกตการณ์บริษัทมหาชนกลุ่มเครื่องดื่ม จำนวน 7 บริษัทเปรียบเทียบพื้นฐานด้านราคา พบว่า บริษัทมหาชนเหล่านี้มักมี market cap. (ราคาปิดของหุ้น X ปริมาณหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์) เฉลี่ยราว 7,800-14,500 ล้านบาท โดยบริษัทมหาชนที่มี market cap. มากที่สุด คือ คาราบาวกรุ๊ป(CBG)61,250 ล้านบาท ขณะที่ อัตราส่วน P/E(การเปรียบเทียบราคาตลาดของหุ้นสามัญต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นสามัญตัวนั้น ๆในรอบ 12 เดือน) เฉลี่ย 14.5-33.75 เท่า อัตราส่วนสูงสุดจะเป็นคาราบาวกรุ๊ป(CBG) อัตราส่วน P/BV(การเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นสามัญต่อมูลค่าทางบัญชีของหุ้นสามัญตัวนั้น ๆ) เฉลี่ย 1.75-6.5 เท่า อัตราส่วนสูงโดดเด่นจะเป็นคาราบาวกรุ๊ป(CBG) และ มาลีกรุ๊ป(MALEE) อัตราเงินปันผลตอบแทน (การเปรียบเทียบเงินปันผลต่อหุ้นเทียบกับราคาตลาดของหุ้นสามัญตัวนั้น ๆ) เฉลี่ย 1%-2.5% โดยบริษัทที่มีอัตราปันผลสูงสุดจะหาดทิพย์(HTC) 4.09%
TerraBKK Researchรวบรวม ผลประกอบการ บริษัท ปี 2559 ของกลุ่มเครื่องดืม จำนวน 7 บริษัทประกอบด้วยตัวเลขและอัตราส่วนทาการเงิน ได้แก่ รายได้ (Revenue) ,อัตรากำไรสุทธิ (NPM) ,กำไรต่อหุ้น (EPS) , เงินสดสุทธิ (Net Cash Flow ) , อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE),อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) และหนี้สินต่อทุน ( D/E ) รายละเอียดดังนี้
1. รายได้ (Revenue) ของกลุ่มเครื่องดื่ม7 บริษัท ปี 2559 ที่ผ่านมา TerraBKK Research พบว่า แนวโน้มผลงานนของบริษัทมีทั้งการเพิ่มขึ้นและลดลงของยอดรายได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยบริษัทที่ทำรายได้สูงโดดเด่นของกลุ่มคือ คาราบาวกรุ๊ป(CBG) รองลงมาจะเป็น เสริมสุข(SSC) และ มาลีกรุ๊ป(MALEE) สำหรับบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงเปอร์เซ็นต์รายได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนสูงสุดได้แก่คาราบาวกรุ๊ป(CBG) ราว 28% จากปีก่อน (ปี58 = 7,874ลบ. ,ปี 59 = 10,112 ลบ.)
2.อัตรากำไรสุทธิ ( Net Profit Margin : NPM)ปี 2559 ของอุตสาหกรรมนี้ โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอัตรากำไรสุทธิราว 8.05% โดย 3 อันดับแรกที่มีอัตราส่วนกำไรสุทธิโดดเด่นที่สุด ได้แก่ คาราบาวกรุ๊ป(CBG)14.73% ,เซ็ปเป้(SAPPE)14.69% และทิปโก้ฟูดส์(TIPCO)13.32% ขณะเดียวกัน TerraBKK Research สังเกตพบบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นั้นคืออิชิตัน กรุ๊ป(ICHI )ที่ลดลงกว่า 45%จากปีก่อน(ปี58 =12.79% ,ปี 59 =7%) และ ทิปโก้ฟูดส์(TIPCO) ที่ลดลงกว่า 24%จากปีก่อน(ปี58 =17.46% ,ปี 59 =13.32%)
3. กำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS)สำหรับกลุ่มเครื่องดื่มช่วงปี 2559 นี้มีทั้งตัวเลขที่ปรับตัวดีขึ้นและแย่ลง TerraBKK Research พบบริษัทที่มีตัวเลขกำไรต่อหุ้น ปี 2559 สูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ มาลีกรุ๊ป(MALEE) 3.79 บาทต่อหุ้น ,ทิปโก้ฟูดส์(TIPCO) 1.69 บาทต่อหุ้นและ คาราบาวกรุ๊ป(CBG) 1.49 บาทต่อหุ้น
4.อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on Equity :ROE) ปี 2559 ของกลุ่มเครื่องดื่มนี้ มีค่าเฉลี่ยราว 21.5% TerraBKK Research สังเกตเห็นว่ามีบริษัทหนึ่งที่มีตัวเลขสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด นั้นคือ มาลีกรุ๊ป(MALEE) 37.54% ขณะเดียวกันทิปโก้ฟูดส์(TIPCO) มีตัวเลขลดลงเกือนครึ่งจากปีก่อน (ปี58 =40.32% ,ปี 59 =21.3%) รวมทั้ง เสริมสุข(SSC)ที่แม้ตัวเลขจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงเป็นตัวเลขติดลบต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
5. อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA)ของกลุ่มเครื่องดื่มTerraBKK Research พบว่า ภาพรวมปี 2559 มีค่าเฉลี่ยราว 12.15% สำหรับ 3 อันดับแรกที่มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์สูงสุด ได้แก่ เซ็ปเป้(SAPPE) 20.96%, มาลีกรุ๊ป(MALEE) 20.33% และ คาราบาวกรุ๊ป(CBG)19.68% โดยหาดทิพย์(HTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด และ อิชิตันกรุ๊ป(ICHI)ปรับตัวลงแรงที่สุด รวมทั้ง บริษัทที่น่าเป็นห่วงที่สุด คงเป็น เสริมสุข(SSC)ที่แม้ตัวเลขจะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถพริกตัวเลขกลับมาเป็นบวกได้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
6. เงินสดสุทธิ (Net Cash Flow ) แสดงการเคลื่อนไหวของเงินทุนผ่านการดำเนินงานของบริษัททั้ง 3 กิจกรรม อันได้แก่ กิจกรรมดำเนินงาน ,กิจกรรมลงทุน,กิจกรรมจัดหาเงิน โดยบริษัทที่มีเงินสดสุทธิโดดเด่นได้แก่ เซ็ปเป้(SAPPE) ทั้งนี้ หากผลลัทธ์ออกมาเป็นตัวเลขติดลบ TerraBKK Research อธิบายว่า ขณะนั้นบริษัทมีสถานะเงินสดไหลออกมากกว่าเงินสดไหลเข้า จุดนี้เองอาจส่อสัญญาณขาดสภาพคล่องในการดำเนินงานได้ ซึ่งพบว่า 3 อันดับแรกที่มีตัวเลขเงินสดสุทธิติดลบมากที่สุด ได้แก่ คาราบาวกรุ๊ป(CBG), เสริมสุข(SSC) และอิชิตัน กรุ๊ป(ICHI) ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากกิจกรรมลงทุน เช่น เงินสดจ่ายจากการซื้อที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เป็นต้น
7. หนี้สินต่อทุน ( Debt to Equity : D/E )ของกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม 7 บริษัท ปี 2559 นี้ TerraBKK Research พบว่า มีค่าไม่เกิน 2 เท่า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี --เทอร์ร่า บีเคเค
บทความโดย :TerraBKKเคล็ดลับการลงทุน TerraBKKค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.