ช่วงนี้ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์นั้นมีเรื่องให้น่าติดตามเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเหล่าผู้ประกอบการต่างงัดกลยุทธ์ต่างๆออกมา เรียกว่าแข่งกันปล่อยของอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ดีเวลลอปเปอร์หลายเจ้าได้จับมือร่วมกันกับต่างประเทศ ล่าสุด บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

ก็ได้จับมือร่วมกับ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาฯ เจ้าใหญ่จากดินแดนปลาดิบ

เพื่อมาร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม และได้เลือกแบรนด์ Knightsbridge คอนโดมิเนียมท็อปแบรนด์ 4 โครงการ รุก 4 ทำเลศักยภาพของกรุงเทพในปีนี้

โดย TerraBKK จะชวนมาเจาะเหตุผลว่าทำไมออริจิ้นถึงเลือกส่ง Knightsbridge เข้ามาปักหมุดในทำเลเหล่านี้

Mid-Town ทำเลตรงกลางความพอใจ

ถ้าหากเป็นไปตามแผน อีก10 ปีข้างหน้า พ.ศ.2570 ชาวกรุงเทพจะมีรถไฟฟ้าให้บริการครบทุกสายรอบกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งหมายความว่าการเข้าถึงรถไฟฟ้านั้นจะง่ายขึ้น และไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะของคนที่อยู่ใจกลางเมืองอีกต่อไป การแข่งขันด้านทำเลในอนาคตอาจจะต้องวัดกันที่ว่ารถไฟฟ้าเส้นไหนที่จะตอบสนองพฤติกรรมการเดินทางของคนได้มากกว่า ซึ่งจากทำเลที่ออริจิ้นได้เลือกสำหรับ Knightsbridge ทั้ง 4 โครงการ ล้วนอยู่ในทำเล Midtown กึ่งกลางระหว่างใจกลางเมืองและเมืองชั้นนอก ได้แก่ รัชโยธิน, เกษตร, รามคำแหง และอ่อนนุช โดยทุกทำเลขนาบแนวรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียว,รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล รถไฟฟ้าสายสีส้ม และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง การเข้ามาของรถไฟฟ้าเหมือนเป็นการเติมเต็มศักยภาพของ Midtown ให้สมบูรณ์ ทำให้สามารถรองรับการขยายตัวของเมืองได้อย่างที่ควรจะเป็น

            เมื่อโครงสร้างพื้นฐานสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ทำให้ตัวเลือกที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่นั้นกว้างขึ้น การศึกษาจากสถาบันหลายแห่งทั่วโลกบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คนในยุค Millennial หรือ Gen Y นั้นมีพฤติกรรมการอยู่อาศัยที่ไม่แสวงหาการดิ้นรนเข้าไปสู่พื้นที่ใจกลางเมือง พวกเขาพอใจที่อยุ่อาศัยที่มีคุณภาพ รองรับกิจกรรมในชีวิต แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่เขยิบจากใจกลางเมืองออกมาหน่อย แต่ก็สามารถเดินทางไปกลับในเมืองได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งตรงกันกับกลุ่มลูกค้าที่ออริจิ้นมองหา ซึ่งทำเลที่ออริจิ้นเลือกมา 4 ทำเลในปีนี้ เป็นทำเลที่เกาะติดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่สามารถเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ หากรถไฟฟ้าเปิดให้บริการจะสามารถเดินทางได้สะดวกด้วยไม่ว่าปลายทางจะเป็นใจกลางเมืองหรือเมืองรอบนอก ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่แยกตัวออกมาจากครอบครัว แต่ก็ยังได้อยู่อาศัยในทำเลที่คุ้นเคยและไม่ห่างไกลจากญาติพี่น้อง ลดภาระการใช้จ่าย โดยที่ไม่ต้องไปฟาดฟันกับราคาที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองที่นับวันยิ่งพุ่งสูงลอยติดเพดาน

ภาพรวมของทำเลทั้ง 4 แห่ง

Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้)

เหตุผลด้านการเติบโตของราคาอสังหาริมทรัพย์ในทำเลช่วงสี่แยกเกษตร ก่อนหน้านี้ทำเลเกษตรมีโครงการคอนโดมิเนียมไม่มากเท่าไร แต่เมื่อมีการก่อสร้าง MASS TRANSIT อย่าง รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่สามารถเข้าถึงสยาม โดยไม่ต้อง เปลี่ยนสถานีเลย รวมถึง มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล มา Interchange ที่สถานีแยก ม.เกษตร นอกจากนี้ ยังสามารถ เปลี่ยน LINE ไป MRT ที่สถานีพหลโยธิน ซึ่งเป็นห้างหลักอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว และรถไฟฟ้าสายสีแดงที่สถานีบางเขน ความเป็น HUB ของ Mass Transit นี้   ทำให้เกิดการพัฒนาคอนโดฯเกิดขึ้นในทำเลนี้อย่างรวดเร็ว โดยไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้ ได้ฉวยโอกาส จาก Mass Transit ดังกล่าวนี้ในการเปิดโครงการที่กำลังจะกลายเป็น ICONIC Building OF Kaset Society ที่มี อินสไปร์เรชั่นมาจาก Marina Bay Sand ของ สิงคโปร์ อีกทั้งถนนเกษตร-นวมินทร์ ยังมี Mega Project โครงการนวมินทร์เฟส 1 ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี อสังหาริมทรัพย์แนวหน้า กำลังล้อมรั้วเตรียมก่อสร้างโครงการแบบมิกซ์ยูส บนที่ดินกว่า 300 ไร่ ทำเลตรงข้ามโครงการนวมินทร์ซิตี้ อเวนิว ด้านหน้าติดถนนประเสริฐมนูกิจ และด้านข้างชนกับถนนเสนานิคม มีแผนจะพัฒนาเป็นอาคารศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม ใช้งบฯลงทุนรวม 7,000-8,000 ล้านบาท เฟสแรกจะก่อสร้างอาคารศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า

ด้วยศักยภาพทำเลที่ดีอยู่แล้ว เนื่องจากเกษตรเป็นทำเลที่มีแหล่งงานประเภทสถาบันราชการ, สถานศึกษา และโรงพยาบาลหลายแห่งแล้ว ยังมีอาคารสำนักงานใหญ๋ๆ รายล้อมมากมาย ทั้ง SCA Park Plaza ,ตึกช้าง,ออฟฟิศบิวดิ้งเส้นถนนวิภาวดี ซึ่งเดินทางสู่แยกเกษตร ได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากจะประมาณจำนวนเฉพาะแค่บุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพียงแห่งเดียว ก็มีจำนวนกว่า 65,000 คน ยังไม่รวมถึงพนักงานจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (สำนักงานใหญ่), มหาวิทยาลัยศรีปทุม, กรมพัฒนาที่ดิน, กรมป่าไม้, โรงพยาบาลเมโย, โรงพยาบาลวิภาวดี, สถาบันทหาร และผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจอื่นๆ ในทำเล ซึ่งเหตุผลข้อนี้ทำให้เรามองว่าผู้บริโภคในทำเลเกษตรมีความแข็งแกร่งทางรายได้สูง

 

Knightsbridge Prime Ratchayothin (ไนท์บริดจ์ ไพร์ม รัชโยธิน)

 

คงไม่ต้องย้ำกันมากนักสำหรับทำเลรัชโยธิน TerraBKK มองว่าความเจริญริมถนนรัชดาภิเษก นับตั้งแต่พระราม9 มาจนถึงรัชโยธินนั้นมีความต่อเนื่องลื่นไหลเหมือนๆกัน ทั้งด้านแหล่งงานที่มีคุณภาพหลายแห่ง และระยะทางที่ไม่ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิเช่น เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว, ยูเนี่ยน มอลล์ และเมเจอร์ รัชโยธิน ยังไม่รวมถึงคอมมิวนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร คาเฟ่ คลับบาร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เราวางตำแหน่งทำเลรัชโยธินว่าเป็นย่านที่มีความเป็นเมืองสูง โดยภาพรวมคอนโดมิเนียมตั้งแต่จตุจักร-พหลโยธิน มีการเติบโตของ demand และ supply สูงขึ้นทุกปี โดยปี 2016 มียอดขายถึง 91.5% โดยราคาคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในทำเลนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 140,000-180,000 บาทต่อตารางเมตร แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการครอบครองที่อยู่อาศัยในทำเลได้เป็นอย่างดี

            การเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ยิ่งกระตุ้นให้ทำเลนี้ร้อนระอุมากขึ้น ประกอบกับ Mega Project จากภาครัฐอย่างโครงการ Bangsue Grand Station และโครงการ Mixes-use ที่ G Land จับมือกับ BTS ทำให้มูลค่าของทำเลนี้เป็นที่น่าจับตามอง

 

Knightsbridge Prime Onnut (ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช)

 

ในปัจจุบันไม่มีใครมองว่าอ่อนนุชเป็นทำเลที่แห้งแล้งอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากอ่อนนุชนั้นเติบโตขึ้นจนมีความอุดมสมบูรณ์ครบครันในตัวเอง อีกทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังเป็นสายที่มุ่งเข้าสู่ย่าน CBD โดยตรงซึ่งถือว่าเป็นรถไฟฟ้าเส้นที่มีศักยภาพมาก โดยสถานีบีทีเอสอ่อนนุช มีผู้ใช้บริการต่อวันกว่า 150,000 คน เพิ่มมากขึ้นจาก 4 ปีที่แล้วถึง 4%

จากการขยายตัวของสุขุมวิทตอนกลางที่เขยิบจากพระโขนงมาอ่อนนุช ทำให้ราคาที่ดินในทำเลนี้สูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10% ทุกปี ความต้องการเช่าสูงผลตอบแทนเฉลี่ย 5-6% ทำให้เราเริ่มมองเห็นการเติบโตของอ่อนนุชในแง่มุมของชุมชน expat มากขึ้น เพราะตอบความต้องการของชาวต่างชาติที่ต้องการที่อยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีคอมมิวนิตี้มอลล์, โรงเรียนนานาชาติ และระยะทางที่ไม่ไกลจาก Lifestyle Area อย่างทองหล่อ-เอกมัย ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ถึง 2 จุด ทำให้อ่อนนุชเริ่มถูกมองว่าเป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่ดีสำหรับคนรักสุขุมวิท

 

Knightsbridge Collage Ramkhamhaeng (ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง)

 

ภาพรวมของทำเลรามคำแหงแม้จะดูไม่หวือหวา เพราะไม่ค่อยมีโครงการลงทุนใหญ่ๆเกิดขึ้น แต่โครงการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลก็เคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มและรถไฟฟ้าสายสีเหลืองได้รับการอนุมัติ ทำให้ตลาดอสังหาฯ ในรามคำแหงมีความคึกคักกลับมาอีกครั้ง โดยออริจิ้นได้ปักหมุดโครงการ Knightsbridge Collage Ramkhamhaeng ลงบนใจกลางรามคำแหง โอบล้อมด้วยศูนย์การค้า, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, คอมมิวนิตี้มอลล์, มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลชั้นนำ

            ไฮไลท์สำคัญของที่ตั้งโครงการคือเป็น Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีเหลือง โดยโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าหัวหมาก (สายสีส้ม) เพียง 100 เมตร และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าลำสาลี (สายสีเหลือง) 600 เมตร

            อีกทั้งที่ตั้งโครงการ อยู่ในฝั่งเลขคู่ ที่การเดินทางเข้าเมืองค่อนข้างสะดวกมาก ด้วยสะพานลอยฟ้า มุ่งหน้าลงแยกถนนพระราม 9 รวมถึงมีเส้นทางลัดหลักมากมายที่ทะลุ ถนนพระราม 9,ถนนหัวหมาก ซึ่งกำลังเชื่อมทางพิเศษ ไปยังเส้นทางต่างๆ เรียกได้ว่า การเดินทางเข้า-ออก ทั้งใน นอกเมืองได้อย่างง่ายดาย ทำให้การเดินทางจากทำเลรามคำแหงไปสู่ที่อื่นนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป

            นอกจากนี้ ทาง THE MALL ยังมีแพลนที่จะมีการ Renovate THE MALL รามคำแหง 2,3 ล็อตใหญ่ เนื่องจากเห็นดีมานส์การจับจ่ายใช้สอยของคนในพื้นที่ แน่นอนว่าทำเลนี้ จะต้องกลายเป็นที่ต้องการ ของคนทำงาน

 

Nomura Real Estate Holdings

            บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท โฮลดิ้ง ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2500 เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นลำดับ Top 3 ของญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี 2553 และล่าสุดปี 2560 นี้ บริษัทโนมูระ สามารถทำรายได้ถึง 5 แสนล้านเยน กำไรกว่า 7 หมื่นล้านเยน

 

บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัดป็นบริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจด้านที่อยู่อาศัย, สำนักงาน, ค้าปลีก, โลจิสติกส์ และอสังหาริมทรัพย์แบบ corporate อีกทั้งแบรนด์ PROUND เป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยของ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ที่มีภาพลักษณ์ของคุณภาพและความปลอดภัย สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมที่พัฒนาโดยบริษัทโนมูระนั้น มีกว่า 80 โครงการ จำนวน 28,692 ยูนิต

            ออริจิ้น ได้จำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทย่อยในเครือจำนวน 4 บริษัท บริษัทละประมาณ 49% ใด้แก่ บริษัทโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ได้แก่ บริษัท ออริจิ้น สเฟียร์ จำกัด, บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิ้ล จำกัด, บริษัท ออริจิ้น รามคำแหง จำกัด และบริษัท ออริจิ้น ไพร์ม 2 จำกัด โดยมีมูลค่าการรวมทุนกว่า 8,600 ล้านบาท

 

สำหรับโครงการ Knightsbridge ทั้ง 4 โครงการนี้ มี มูลค่ารวมถึง 7,400 ล้านบาท พัฒนาโครงการบนแนวคิดคอนเซ็ปต์ใหม่ของการอยู่อาศัย ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตในคอนโดมิเนียม ใกล้แนวรถไฟฟ้า เพิ่มพื้นที่พิเศษให้คุณใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ในราคา Reasonable Price ที่เข้าถึงได้ทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ Urban Lifestyle ที่มาในคอนเซปต์ ไฮไลท์ที่แตกต่างกัน ทั้ง 4ทำเล !!

 

ราคาแพคเกจ ที่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไคล์คนเมือง

  • ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง พิเศษ เริ่ม 1.89 ล้าน*
  • ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้ พิเศษ เริ่ม 2.69 ล้าน*
  • ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช พิเศษ เริ่ม 2.69 ล้าน*
  • ไนท์บริดจ์ ไพร์ม รัชโยธิน พิเศษ เริ่ม 3.33 ล้าน*

สนใจโครงการไหน ทำเลใด หรือชอบการตกแต่งสไตล์ไหน ..สามารถพบกับ The 4 Best KnightsBridge Of The Year

เปิดจองครั้งแรก "KnightsBridge" Top Brand 4 โครงการ 4 สไตล์ 4 ทำเล! ในราคาสุดพิเศษ แพคเกจเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม

เกษตร | อ่อนนุช | รามคำแหง | รัชโยธิน

16-17 กันยายน นี้ ที่ SIAM PARAGON HALL 3

ลงทะเบียน รับส่วนลดสูงสุดในงาน 200,000.-*

http://mylifemyorigin.origin.co.th/register

โทร 020 300 000

ขอบคุณข้อมูลจาก mylifemyorigin.origin.co.th