ดีเจและคลื่นวิทยุกำลังจะถูก disrupt ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นรายถัดไป
เร็วๆนี้มีข่าวใหญ่ของวงการเพลงบ้านเรา คือการเข้ามาของ Spotify ซึ่งเป็น application ที่ให้บริการฟังเพลง online แบบถูกลิขสิทธิ์จากประเทศสวีเดน ที่พึ่งเปิดดำเนินงานเมื่อปี 2008 หรือประมาณไม่ถึง 10 ปีที่ผ่านมานี้เอง
Spotify ให้บริการโดยใช้โมเดล “freemium” หรือให้บริการฟรีใน basic feature เช่นฟังเพลงได้แต่ download มาเก็บไว้ในเครื่องไม่ได้ และมีการจำกัดจำนวนการเลื่อนไปฟังเพลงถัดไป ส่วนสมาชิกที่จ่ายเงินก็จะสามารถใช้งานได้ครบทุก function โดยนับถึงเดือน มิถุนายนปี 2017 มีคนใช้บริการทุกเดือน (monthly active users) อยู่ที่ 140 ล้านคน และมีสมาชิกที่จ่ายค่าบริการอยู่ที่ 60 ล้านคน (น่าสังเกตุว่ามีสัดส่วนของสมาชิกที่จ่ายเงินมากถึง 43% ของจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมดซึ่งถือว่าสูงมาก)
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าจะมีผู้ให้บริการแบบนี้เพียงแค่รายเดียว ยังมี Pandora ทีให้บริการฟังเพลง online ในลักษณะเดียวกัน และ Apple iTunes ที่ อะไรทำให้ Spotify เป็นที่นิยมเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อม คำตอบก็คือตัว function ที่ช่วยในการเลือกเพลงให้ user โดยใช้ข้อมูลพฤติกรรมการฟังในอดีต รวมทั้งการพิจารณาจาก user อื่นที่มีข้อมูลคล้ายๆกัน ดังนั้นจึงสามารถเลือกเพลงให้ถูกใจคนฟังได้ไม่ยากจะเห็นได้ว่าจำนวน user ของ Spotify นั้นเติบโตแซง Pandora ได้แล้ว และยังทิ้งระยะห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเรามาพิจารณาถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเพลงจะพบว่า อัตราการซื้อแผ่น CD เพื่อมาฟังนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง คนรุ่นไหมหันมาฟังเพลงออนไลน์มากขึ้น ผลตอบแทนของศิลปินนั้นลดลงเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จากกรณีที่นักร้องสาวชื่อดังอย่าง Taylor Swift ที่ออกมาประกาศว่าจะไม่มีเพลงของเธออยู่บน Spotify เนื่องจากเธอคิดว่าไม่ได้รับค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมนั้นเอง โดยที่ตัวศิลปินจะได้รับค่าตอบแทนจาก Spotify ตามจำนวนครั้งที่เพลงถูกนำไปเล่นบนแพลตฟอร์ม ซึ่งโดยเฉลี่ยจะได้รับค่าตอบแทนแค่ $0.005 ต่อครั้งเท่านั้นเอง
และเมื่อคนรุ่นใหม่ฟังเพลงออนไลน์มากขึ้น แน่นอนว่าคนที่จะฟังคลื่นวิทยุก็จะลดลงนั่นเอง โดยข้อด้อยของการฟังวิทยุนั้นก็คือการที่ต้องรอให้ดีเจเปิดเพลงที่เราชอบ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกัน ดีเจก็คงไม่สามารถตอบสนองทุกคนได้ และนอกจากนี้ยังมีโฆษณาต่างๆมากมายทำให้บางครั้งเกิดความรำคาญต่อคนฟัง
เมือคลื่นวิทยุลดความสำคัญลง แน่นอนว่าคนต่อไปที่จะได้รับผลกระทบคือดีเจที่คอยเปิดแผ่นนั่นเอง เมื่อเราเข้ามาถึงยุคที่สามารถมีดีเจส่วนตัว (หมายถึง Spotify ที่คอยเลือกเพลงให้เรา) การที่จะต้องคอยฟังเพลงจากดีเจก็ดูจะเป็นเรื่องล้าสมัยไป การที่เรามี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาทดแทนคนในหลายๆอุตสาหกรรมก็กำลังเป็นแนวโน้มหลักของโลกยุคนี้ ไม่เว้นแม้แต่วงการเพลง
ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA.
บทความโดย เทอร์ร่า บีเคเค ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA.
Email : tanapoom@uchicago.edu