ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจากฤดูฝนย่างเข้าสู่ฤดูหนาว และปีนี้นับเป็นปีแห่งความเศร้าโศกของคนไทยทั้งชาติ วันนี้ TerraBKK จึงขอนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวภาคเหนือ 17 เส้นทาง ตามรอยพระบาทในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่คนไทยควรไปเห็น เรียนรู้ และควรไปสัมผัสด้วยตัวเอง 

7. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก จ.เชียงใหม่

 

       เมื่อปี 2521 ชาวเขาเผ่าม้งได้ถวายฎีกาถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อขอที่ทำกินแห่งใหม่ ทดแทนที่เก่าที่สภาพดินไม่เหมาะสม ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้โครงการหลวงเข้าช่วยเหลือ ร่วมให้ความรู้การบูรณะพื้นที่ทำกินบ้านห้วยลึก แม้จะใช้เวลานานในการปลูกป่าทดแทนและดูแลผืนป่า แต่ในที่สุดพื้นที่ห้วยลึกก็กลับกลายเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติสวยงาม เหมาะสมในการทำการเกษตร

        โครงการหลวงห้วยลึก รับผิดชอบ 2 หมู่บ้าน ประกอบด้วย เผ่าม้ง กะเหรี่ยง และคนเมือง ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบ สลับกับหมู่ภูเขาทับซ้อน และมีอากาศเย็น เหมาะแก่การท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ และถูกจัดสรรเป็นพื้นที่เพื่อทำเกษตรแบบยั่งยืน ส่งเสริม วิจัย และเพาะพันธุ์ให้เกษตรกรชาวไทยภูเขา มีแปลงพืชเมืองหนาว อย่าง แคนตาลูป ผักสลัด แปลงผักกาดหอมห่อ ผักกาดขาวปลี แปลงสมุนไพร และแปลงดอกเบญจมาศ ซึ่งพืชพรรณทั้งหมดนี้จะเพาะปลูกสลับกันตลอดปี ทำให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก กลายเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่ไม่ควรพลาด

 

                   " เริ่มจากฎีกา ของชาวเขา ที่ขอพระราชทานผืนดิน ทำกินกับพ่อหลวง

          กลายเป็นโครงการหลวง ที่สร้างรายได้และอาชีพเกษตรกรรม ที่ยั่งยืนให้กับชาวเขา ทุกคน " 

ที่เที่ยวห้ามพลาด 

  • พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชานุสรณ์เจดีย์ฐาน 8 เหลี่ยมแต่ละด้านมีแผ่นศิลาสลักลวดลายเรื่องราวพระประวัติ
  • ถ้ำเชียงดาวหินงอกหินย้อยตามธรรมชาติและมีธารน้ำสวยงามอยู่ทางหน้าถ้ำ
  • วัดถ้ำผาปล่องสถานปฏิบัติธรรมเงียบสงบเข้าถึงธรรมชาติโดยรอบ

กิจกรรมห้ามพลาด 

  • เข้าชมแปลงไม้ดอกของเกษตรกรอย่างใกล้ชิด
  • เลือกซื้อผลผลิตทางการเกษตร ที่สดใหม่และหาได้ยากในราคาย่อมเยา

ทริปเส้นทางท่องเที่ยวโครงการหลวง จ.เชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน

วันแรก       เช้า : ชมศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย

บ่าย : ชมวิถีเรียบง่ายของปกาเกอะญอ

วันที่สอง เช้า: บ้านห้วยฮ่อม ศึกษาเส้นทางธรรมชาติพืชผักเมืองหนาว จิบชาถ้วยไม้ไผ่

บ่าย: บ้านวัดจันทร์ ดูป่าต้นน้ำที่นาอูรู ชมวิหารแว่นตาดำ ที่อ.กัลยาณิวัฒนา

เย็น: ชมทิวทัศน์ ณ โคว่โพหลู่

วันที่สาม เช้า :ชมธรรมชาติยามเช้า ณ โครงการหลวงห้วยลึกอ่างห้วยอ้อ

บ่าย: พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1 แหล่งผลิตสินค้าดอยคำ

เย็น: สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง

วันที่สี่         เช้า: ชมวิถีชีวิตชุมชนชาวปะหล่องที่บ้านนอแล และชาวมูเซอดำที่ บ้านขอบด้ง

 

การเดินทาง 
เดินทางมุ่งสู่ทางหลวงสาย 107 สายเชียงใหม่-ฝาง และวิ่งตรงไปประมาณ 92 กม. จนถึงวัดห้วยลึก จึงเบี่ยงขวาไปประมาณ 500 เมตร เพื่อเข้าสู่โครงการ

เปิดให้เข้าชม : พฤศจิกายน-มีนาคม ทุกวัน 09.00-18.00 น. 

8.ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) จ.เชียงใหม่

          สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากชื่นชมบรรยากาศของดอกไม้สีชมพูผลิบานท่ามกลางขุนเขาสีเขียว ที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) เป็นอีกหนึ่งจุดชมต้นนางพญาเสือโคร่ง หรือ‎ซากุระเมืองไทยแห่งสำคัญของเชียงใหม่ ซึ่งจะผลิบานช่วงกลางเดือน มกราคม – กุมภาพันธ์ โดยพื้นที่นี้สูงจากระดับน้ำทะเล 1,100 เมตร

          ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ตั้งอยู่ในวงล้อมของแนวเทือกเขาอินทนนท์ ระหว่างหมู่บ้านปกาเกอะญอ กับ หมู่บ้านม้ง ต.แม่วิน อ.แม่วาง ตั้งขึ้นภายหลังจากที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินมาที่บ้านขุนวางในปี 2523 ซึ่งพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านปลูกฝิ่นจำนวนมาก ทรงมีพระราชดำรัสให้กองพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นแหล่งทดลอง ขยายพันธุ์ ส่งเสริม และถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกพืชเมืองหนาวบนที่ราบสูงให้กับเกษตรกร ทดแทนการปลูกฝิ่น

         ปัจจุบันในพื้นที่โครงการ เป็นแหล่งเพาะปลูก วิจัยพืช ไม้ผลเมืองหนาว เช่น สาลี่ พลัม แมคคาเดเมีย เกาลัดจีน สตรอเบอร์รี  นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ยอดนิยม เพราะมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี และมีบ้านพักรับรอง 4 หลัง (พักได้4-8 คน) และมีจุดบริการกางเต็นท์ 2 จุด

การเดินทาง 
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1009 เลี้ยวขวาที่สามแยกบริเวณหมู่บ้านขุนกลาง (ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 31) ขับตรงไปประมาณ 18 กม. จนถึงขุนวาง

 เปิดให้เข้าชม : ตุลาคม-กุมภาพันธ์ ทุกวัน 08.00–16.00 น.

9. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงใหม่

          จากป่าเสื่อมโทรม พื้นที่กว่า 8,500 ไร่ มาถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 34 ปี ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้มุมานะทำการศึกษาวิจัย พัฒนารูปแบบระบบชลประทาน พัฒนาแหล่งน้ำ ควบคู่ไปกับการพัฒนาป่าไม้และฟื้นฟูผืนดินกลับมาอุดมสมบูรณ์ขึ้นอีกครั้ง

         ปัจจุบันห้วยฮ่องไคร้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต หรือสวนเพื่อการศึกษา โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับความรู้การพัฒนาผืนป่าที่เข้าใจง่าย ตามเส้นทางที่จัดทำไว้ ควบคู่การกับฟาร์มสไตล์ภาคเหนือ อาทิ การทำปศุสัตว์ เลี้ยงโคนม สัตว์ปีก และกบนานาพันธุ์

ที่เที่ยวห้ามพลาด 

  • สวนหกศูนย์ใจกลางของศูนย์พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต
  • วัดป่าศาลาปางสัก (วัดหลวงตา)ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
  • โครงการพระราชดำริน้ำพุร้อนสันกำแพงธารน้ำร้อน กว้าง ราว 2 เมตร ให้ได้แช่เท้าผ่อนคลายความเมื่อยล้า

กิจกรรมห้ามพลาด 

  • ชมสาธิตการสร้างฝายไม้ไผ่ แบบง่ายๆ เพื่อเป็นองค์ความรู้ ในการใช้ชีวิตตามวิถีธรรมชาติ
  • แคมป์ปิ้งริมอ่างเก็บน้ำในอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้

การเดินทาง 
วิ่งมาทางหลวง 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย และตรงขึ้นทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 24 กม. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยฮ่องไคร้ จะตั้งอยู่ ทางขวามือห่างจากถนนประมาณ 2 กม.

เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.30-16.30 น 

10. สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จ.เชียงใหม่

       ภาพดอกไม้เมืองหนาวสีสวย พืชผักผลไม้นานาชนิด และดอกซากุระเมืองไทยที่บานสะพรั่ง ช่วยแต่งแต้มภูเขาสีเขียวให้สวยงาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงดึงดูดใจ นักท่องเที่ยวให้มาเยือนดอยอ่างขาง จนหลายคนอาจจะลืมไปแล้ว ว่าที่นี่เคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นใหญ่ที่สุดของเมืองไทย

       สถานีเกษตรหลวงอ่างขางเกิดขึ้น ในปี 2513 เพื่อใช้เป็นแปลงทดลอง ปลูกพืชผักเมืองหนาวคุณภาพดีแทนป่าฝิ่น ถือเป็นสถานีแห่งแรกของโครงการหลวง โดยสตรอเบอร์รี เป็นพืชพันธุ์ชนิดแรก ที่นำมาทดลองปลูกที่นี่ จนได้พันธ์ุที่เหมาะสมกับเมืองไทย โดยใช้ชื่อว่า พันธุ์พระราชทาน

ปัจจุบันสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เป็นแหล่งจำหน่ายพืชผักผลไม้เมืองหนาวคุณภาพดีให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน ที่สร้างรายได้และชุมชนที่แข็งแรงให้กับชาวไทยภูเขาอีกด้วย

 

" ทรงพลิกฟื้น จากภูเขาฝิ่น จนกลายเป็นพืชผักเมืองหนาวที่สวยงามและ น่าเที่ยวที่สุด ของเมืองไทย "

ทริปเส้นทางท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน

วันแรก เช้า : เดินทางไปที่อ่างขาง รับประทานอาหารกลางวันที่สโมสรอ่างขาง

         บ่าย  : รับประทานอาหารว่างใต้ต้นซากุระใน สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ชมบอนไซ,ดอกไม้เมืองหนาว

วันที่สอง เช้า  : ชิมสตรอเบอร์รีสดจากต้น ในแปลงของชาวปะหล่อง / เลือกซื้องานหัตถกรรมชุมชน บ้านนอแล

          บ่าย  : ชมสวนกุหลาบอังกฤษ ซากุระ ตามแนวถนน

          เย็น :เที่ยวตลาดบ้านคุ้ม/ทานอาหารว่าง จิบชา ชมแปลงชา ชมวิถีชีวิตชาวมูเซอ บ้านขอบด้ง

วันที่สาม เช้า  : ชมเรื่องราวความเป็นมาของโครงการหลวง ที่พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1 บ้านยาง

          บ่าย  : ชิมสุกี้ยูนนานที่บ้านดินเล่าจาง

          เย็น  : ซื้อของฝากที่ตลาดต้นพะยอม

การเดินทาง 
จากเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึงตำบลเมืองงาย เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวง 1178 ผ่านบ้านอรุโณทัย ไปยังดอยอ่างขาง

เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 06.00-18.00 น. 

11. ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.น่าน

           ศูนย์ภูฟ้าจัดตั้งขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ภายหลังเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรและ ทอดพระเนตรบ่อเกลือสินเธาว์ ที่บ้านบ่อหลวง และทรงทราบปัญหา จึงมีพระราชดำริให้การช่วยเหลือพัฒนา จนกลายมาเป็นศูนย์ภูฟ้าพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในปี 2542

เพื่อใช้เป็นต้นแบบการพัฒนาและถ่ายทอดความรู้ไปสู่ราษฎรในพื้นที่ อ.บ่อเกลือ อ.เฉลิมพระเกียรติ ให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ศึกษาธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่นของจ.น่าน ช่วยลดปัญหาด้านงานเกษตรกรรม

ทำให้โครงการศูนย์ภูฟ้าพัฒนาจังหวัดน่าน ถือเป็นหนึ่งสถานที่น่าแวะมาเที่ยวชม เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านพื้นถิ่นอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดน่าน

ทริปเส้นทางท่องเที่ยว จ.น่าน 3 วัน 2 คืน

วันแรก เช้า : ชมวิถีการเก็บชาเมี่ยงโบราณ 400 ปี/แปรรูปที่บ้านศรีนาป่าน

   บ่าย  : นั่งรถรางชมเมือง สัมผัสวิถีชาวน่านแวะเที่ยวชมวัด

วันที่สอง เช้า :เดินทางสู่บ่อเกลือ ชมการทำเกลือสินเธาว์บนภูเขา

บ่าย : เยี่ยมชมศูนย์ภูฟ้าพัฒนา เรียนรู้วิถีเผ่ามละบรีและเผ่าลัวะ

วันที่สาม เช้า : ปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตของชาวบ่อเกลือ

 

การเดินทาง 
        จากตัวเมืองน่าน วิ่งไปประมาณ 100 กม. ถึง อ.บ่อเกลือ ข้ามสะพานข้ามคลอง เลี้ยวไปทางศูนย์ภูฟ้า ตรงไปอีก 8 กม. จะจากสามแยกบ่อเกลือ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1336 ขับไปอีก13 กม. จะถึงปากทางเข้าศูนย์ฯ ขับต่อไปอีก 2.5 กม. ก็จะถึงตัวศูนย์ฯ

เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.30-16.30 น.

12.สถานีพัฒนาเกษตรที่สูง บ้านสะจุก-สะเกี้ยง จ.น่าน

    ในอดีตพื้นที่หมู่บ้านสะจุก-สะเกี้ยง ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดอยภูคา-ผาแดง ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำสำคัญที่ประสบปัญหาป่าเสื่อมโทรม ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้สร้างโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงขึ้นในหมู่บ้าน ให้ความรู้เรื่องการทำนาแบบขั้นบันได พร้อมส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกพืชผักเมืองหนาว ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ ทำให้ทุกวันนี้ชาวบ้านต่างอยู่อาศัยอย่างมีความสุข เพราะสามารถเพิ่มผลผลิต สร้างรายได้มากขึ้น

สถานีพัฒนาเกษตรที่สูง บ้านสะจุก-สะเกี้ยง นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด แม้จะเดินทางลำบากสักนิด แต่ถ้ามาในฤดูเพาะปลูก คุณจะพบหุบเขาใหญ่ ที่ทำนาขั้นบันไดเป็นระเบียบสวยงาม พร้อมอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ใหห้คุณได้สัมผัสกับวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวเหนืออย่างแท้จริง

การเดินทาง 
จากตัวเมืองวิ่งออกมาทางทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1169 วิ่งตามทางไปประมาณ 37 กม. จะสุดทางให้เลี้ยวขวาเข้าถนนลอยฟ้า 1081 อำเภอสันติสุข-อำเภอบ่อเกลือ ตรงไปจนผ่านอุทยานแห่งชาติขุนน่านแล้วมุ่งตรงไปอีกประมาณ 44 กม. เพื่อเข้าสู่หมู่บ้านสะจุก

 

การเดินทาง 
       จากตัวเมืองวิ่งออกมาทางทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1169 วิ่งตามทางไปประมาณ 37 กม. จะสุดทางให้เลี้ยวขวาเข้าถนนลอยฟ้า 1081 อำเภอสันติสุข-อำเภอบ่อเกลือ ตรงไปจนผ่านอุทยานแห่งชาติขุนน่านแล้วมุ่งตรงไปอีกประมาณ 44 กม. เพื่อเข้าสู่หมู่บ้านสะจุก

เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.30-17.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : สิงหาคม-กันยายน (เที่ยวฤดูฝนดูนาข้าว) /พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ​(เที่ยวหน้าหนาว)

ขอบคุณข้อมูล-ภาพ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)