อย่างแรกเลยต้องขออธิบายก่อนว่าบิทคอยน์เป็นแค่แอปพลิเคชั่นหนึ่งของเทคโนโลยีที่เรียกว่าบล็อกเชน(Blockchain) ซึ่ง Blockchain เป็นการปฏิวัติวงการฟินเทคของโลกอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากเทคโนโลยีนี้สามารถทำให้เราแปลงสินทรัพย์ต่างๆเป็นเงินดิจิตอลได้และสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องมีตัวกลางเข้ามาเกี่ยวข้องเนื่องจากมีคนที่อยู่ในระบบคอยตรวจสอบธุรกรรมต่างๆให้ เป็นคนต่างๆเหล่านี้เราเรียกว่า Miner

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในอนาคตนั้นจะมีอย่างมากมาย

1.การโอนเงินและซื้อขายแลกเปลี่ยนจะสามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

และด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงอย่างมาก ต่อไปการ ขายของให้กับคนที่อยู่ต่างประเทศก็จะเป็นไปอย่างง่ายดายถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะไม่มีบัญชีธนาคารก็ตาม 
นอกจากนั้นค่าธรรมเนียมที่ถูกลงและธุรกรรมที่สามารถแบ่งเป็นชิ้นย่อยๆได้ จะทำให้เกิดการขายแบบที่เป็นชิ้นเล็กๆเช่นเราสามารถบริการฟังเพลงเป็นรายวินาทีได้

2.ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้

อาจจะด้วยข้อจำกัดเช่นสาขาธนาคารที่ใกล้บ้านที่สุดนั้นอยู่ไกลเกินไปหรือว่าไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้เนื่องจากไม่มีหลักฐานทางการเงินเพียงพอคนเหล่านี้ก็จะสามารถเข้ามาอยู่ในระบบการเงินได้สามารถฝากเงินและขอเงินกู้ได้ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะว่าข้อจำกัดทางการเงินต่างๆเหล่านี้ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กนั้นเกิดขึ้นได้ยาก ในอนาคต ถ้าหากเทคโนโลยีช่วยให้คนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้นก็จะทำให้ทำธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้น

3.เทคโนโลยี smart contract

จะช่วยให้การทำ สัญญาต่างๆเช่นสัญญาจ้างหรือสัญญาในการซื้อขายสินค้าหรือแม้กระทั่งซื้อขายที่ดินนั้นทำได้โดยมีความน่าเชื่อถือสูงกว่าเดิมและด้วยต้นทุนที่ต่ำลง


smart contract เป็นเทคโนโลยีที่เป็นการเขียนโปรแกรมเอาไว้ก่อนว่าเมื่อเงื่อนไขอะไรเกิดแล้วถึงจะอนุมัติให้เกิดธุรกรรมได้ เช่นต้องโอนเงินมาก่อนแล้วระบบตรวจสอบได้ว่าโอนเงินสำเร็จแล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ หรือถ้าเป็นสัญญาจ้างสมมุติว่าลูกจ้างสามารถทำผลงานได้ตามเป้าจึงจะจ่ายโบนัสให้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การเจรจาทางธุรกิจเป็นไปอย่างง่ายดายและไม่สามารถที่จะฉ้อโกงได้

4.การจัดเก็บข้อมูลจะทำได้อย่างเป็นระบบและสามารถที่จะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น


ยกตัวอย่างเช่นข้อมูลทางด้านสุขภาพของเราซึ่งถูกจัดเก็บโดยโรงพยาบาลต่างๆเวลาเราจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ก็ต้องไปขอจากโรงพยาบาลให้คัดสำเนามาให้ แต่ด้วยเทคโนโลยี blockchain เราสามารถที่จะจัดเก็บข้อมูลที่ส่วนกลางได้และข้อมูลต่างๆเหล่านี้จะไม่สามารถถูกแก้ไขดัดแปลงได้ทำให้การดึงข้อมูลมาใช้สะดวกสบายและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

จะเห็นว่าเทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้นดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้คนในระบบเศรษฐกิจสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ทุกคนด้วย ต้นทุนที่ต่ำ

รวมทั้งการทำสัญญาต่างๆในอนาคตก็จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นและมีต้นทุนที่ถูกลงการจ้างทนายเพื่อมาร่างสัญญาก็อาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป
การจัดเก็บข้อมูลต่างๆทั้งของภาครัฐและเอกชนก็จะทำได้ง่ายมากขึ้นและมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นยากต่อการปลอมแปลง

ประเด็นทั้งหลายเหล่านี้ถ้าประเทศไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาได้ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจโตได้เร็วมากยิ่งขึ้นและสามารถแข่งขันได้กับประเทศต่างๆทั่วโลก ที่ผ่านมาเราค่อนข้างที่จะช้าในการปรับตัวกับเทคโนโลยีทำให้ประเทศอื่นๆพัฒนาแซงหน้าเราไปได้

รอบนี้ถ้าสามารถจับกระแสอันนี้และใช้ประโยชน์กับมันได้ ก็จะช่วยให้เรามีความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น

ผมยกตัวอย่างการเกิดขึ้นของอินเตอร์เน็ตในช่วงประมาณปี 1990 ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักอินเตอร์เน็ตแต่สำหรับคนที่เห็นศักยภาพของมันก็สามารถสร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่อย่างเช่น Google Amazon Facebook หรืออีกหลายหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกได้

ผมคิดว่า ที่จุดนี้ bitcoin และ blockchain ก็เป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงโลกในระดับเดียวกับที่อินเตอร์เน็ตเคยทำมาแล้วในอดีตเช่นเดียวกัน

ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA.

บทความโดย เทอร์ร่า บีเคเค

ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA. Email : tanapoom@uchicago.edu