ชีวิตของคนที่บ้างานมักจะมีความเสี่ยงที่คุณจะเกิดโรคได้มากมายเป็นภัยเงียบโดยที่คุณไม่รู้ตัว เพราะในโลกในปัจจุบันชีวิตคนเราส่วนใหญ่ใช้ชีวิตหมดไปกับการทำงาน ถ้าปล่อยให้อาการทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่สนใจที่จะรักษา คุณอาจจะไม่ได้ทำงานที่คุณรักอีกต่อไป วันนื้ทางทีมงาน Toptenthailand ได้นำ 10 โรคยอดนิยมสำหรับคนทำงานออฟฟิศมาให้คุณหันมาคอยระวังและดูแลรักษาตัวเองให้มากขึ้นอย่ามัวทุ่มเทให้กับการทำงานมากจนเกินไป
 
10. นิ่วในถุงน้ำดี
 
คนส่วนใหญ่มักชอบนึกอยากจะทานอะไรก็ตามใจปากโดยไม่ถึงโรคที่จะตามมานในอนาคต ซึ่งรวมไปถึงการกินอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำอาจก่อให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งมักพบในหญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป คนอ้วนมักเป็นโรคนี้มากกกว่าคนที่รูปร่างผอม โดยยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลให้เกิดโรคนี้ เช่น กรรมพันธุ์ การอักเสบและการหลั่งของน้ำดีในถุงน้ำดี การทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ๆ โดยเมื่อเป็นนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว ถ้าไม่รีบรักษาอาจจะก่อให้เกิดอาการเรื้อรังตามมาได้ แต่การระวังจะช่วยให้โรคที่ร้ายแรงบรรเทาให้ลดน้อยลงได้ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายรักษาก็น้อยลงไปด้วย
 
9. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
 
เป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับสาวๆ ที่นั่งทำงานนานๆ ถึงขั้นบ้างานจนบางครั้งลืมเข้าห้องน้ำ หรือบางที่ก็ต้องเดินทางไกล ทำให้ต้องอั้นปัสสาวะเป็นประจำ เป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งมักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทางท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดการอักเสบ โดยโรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
 
8. โรคเครียด นอนไม่หลับ
 
โรคเครียด ถือเป็นโรคฮิตสำหรับคนวัยทำงานเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นคนที่เริ่มทำงานใหม่ ๆ หรือทำงานมาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญอยู่กับภาวะเครียดรุมเร้า วิธีการหลีกเลี่ยงที่ง่ายที่สุดก็คือ พยายามไม่เครียด รู้จักผ่อนคลาย วิธีการผ่อนคลายมีอยู่มากเพียงแค่คุณเจียดเวลาสัก 5-10นาที ลองทิ้งงานไปเดินเล่นสัก 10 นาที ก็ถือว่าได้ผ่อนคลาย แถมยังได้สมองที่ปลอดโปร่งสามารถคิดงานที่ดีให้กับองค์กรได้อีกด้วย
7. ความดัน โลหิตสูง
ภัยเงียบที่ไม่มีอาการมักพบเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเกิดจากปัจจัยบางอย่าง ได้แก่ การมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้แบบไม่ทราบสาเหตุ จะมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนอื่น ๆ ถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังเกิดจากโรคอ้วน ความเครียด การรับประทานอาหารรสเค็ม การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือผู้ที่ทำงานนั่งโต๊ะในสำนักงาน จะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่ทำงานใช้กำลัง ความดันโลหิตสูงไม่ใช่แค่เรื่องความดัน แต่อาจนำมาซึ่งเส้นเลือดแตก อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวาย พิการ และหัวใจวายอีกด้วย 
6. โรคอ้วน
โรคอ้วนเป็นกันมากขึ้นในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะบุคคลที่ชอบทำงานไปด้วยรับประทานไปด้วย ไม่มีเวลาออกกำลังกาย 
ซึ่งผู้หญิงสามารถอ้วนได้ง่ายกว่าผู้ชาย โดยโรคอ้วนยังเป็นบ่อเกิดของโรคสำคัญ ๆ มากมาย เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในหลอดเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ควรดูแลใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ ควรปรึกษาโภชนากร และควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดโรคดังกล่าว
5. กรดไหลย้อน
กินเสร็จอิ่มๆ หรือกินอาหารเสร็จยังไม่ถึง 4 ชั่วโมงแล้วนอน รวมไปถึงคนที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา รีบมากจนเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด เครียดจัดจนอาหารไม่ย่อย รับประทานอาหารรสจัด และคนที่สูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้าจัด มักเสี่ยงกับการเป็นโรคกรดไหลย้อน นอกจากนี้ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มาเป็น 10 ปี อาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารส่วนปลายได้อีกด้วย 
4. ปวดหลัง เรื้อรัง
การใช้ชีวิตอยู่ หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง ใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย ๆ รวมไปถึงท่านั่งทำงานไม่ถูกต้อง และเก้ากี้หรือโต๊ะทำงานที่มีองศาที่ไม่เหมาะ อาจเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง แขน ขา และสะโพก อันเกิดเนื่องมาจากโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง
3. ไมเกรน ปวดศีรษะเรื้อรัง
การทำงานมันจะมีความเครียดเป็นของคู่กันเสมอแต่เวลานั่งทำงานเครียด ๆ จะรู้สึกปวดหัวบริเวณขมับด้านหน้าศีรษะ หรือหลังต้นคอ นั่นคือสัญญาณเตือนให้คุณรู้ถึงสภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคไมเกรน การพักผ่อนไม่เพียงพอ แสงแดด ความร้อน และขาดฮอร์โมนบางชนิดก็เป็นปัจจัยก่อให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
2. มือชา เอ็น อักเสบ นิ้วล็อค
การอักเสบของ ปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมือ พบกันมากขึ้นเพราะเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจากการใช้คอมพิวเตอร์ การจับเมาส์ในท่าเดิมนาน ๆ ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาท และเส้นเอ็นจนอักเสบ จนเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดอาการปวดของปลายประสาทนิ้วล็อค หรือข้อมือล็อก และในปัจจุบันนี้หนุ่มสาวรุ่นใหม่มักมีอาการเจ็บปวดนิ้วหัวแม่มือ เนื่องมาจากการเล่นโทรศัพท์ ที่มีปุ่มขนาดเล็กซึ่งต้องเกร็งนิ้วเวลากด ทำให้เกิดอาการเส้นเอ็นอักเสบ ปวดตามข้อนิ้วได้ 
1. ต้อหิน ตาพร่ามัว
1 ใน 10 ของคนอายุ 40 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคต้อหิน หรือกำลังเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว และที่อันตรายที่สุดคือ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตาอาจบอดได้ สาเหตุเกิดจากการใช้สายตานาน ๆ ซึ่งการทำงานในปัจจุบันมีการใช้สายตาเป็นส่วนใหญ่ จะเกิดการอักเสบ หรือติดเชื้อของกระจกตาของการใส่คอนแทคเลนส์ การที่มีความดันในลูกตาสั้นหรือยาวมาก ๆ ผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์ และกรรมพันธุ์ ดังนั้นควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหินและภัยร้ายต่าง ๆ ในดวงตาก็จะไม่ถามหาอีกด้วย
 
ขอบคุณข้อมูลจาก www.toptenthailand.com