ข่าวร้าย สำหรับมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายที่ใช้เวลาสิบกว่าปีก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือ เพื่อหวังพิชิตเกรดสูงๆ ไว้มัดใจนายจ้าง เพราะสิ่งที่นายจ้างยุคใหม่มองหา ไม่ใช่แค่ Hard Skill หรือ ทักษะความรู้ในการทำงานสาขาต่างๆที่วัดจากใบปริญญาอีกต่อไป แต่ยังต้องการพนักงานที่เพรียบพร้อมด้วย Soft Skill หรือ ทักษะด้านอารมณ์ด้วย

         หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Soft Skill อยู่บ่อยๆ แต่ไม่แน่ใจในความหมาย ชี้ชัดกันตรงนี้เลยว่า Soft Skill เป็นทักษะที่ใช้พิจารณาว่าพนักงานคนนั้นจะสามารถทำงานเข้ากับทีม และ เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้ดีขนาดไหน เพราะสมัยนี้เก่งอย่างเดียวอาจไม่ช่วยอะไร ถ้าจะให้ครบเครื่องจริงๆ อินเนอร์ในการทำงานต้องมี สกิลด้านอารมณ์สตรอง ประเภทหัวกะทิ แต่ทำงานเป็นทีมไม่เป็น สื่อสารไม่รู้เรื่องก็อาจเดินคอตกออกจากห้องสัมภาษณ์ได้ง่ายๆ

         

ใครที่กำลังคิดยื่นใบสมัครงาน แล้วอยากรู้ว่าตัวเองมี Hard Skill ด้านไหนบ้าง หาคำตอบได้ไม่ยาก แค่ลองไปเปิดดูในใบปริญญาบัตร หรือ ประกาศนียบัตร แต่สำหรับใครที่คิดอัพเลเวลเพิ่ม Soft Skill ให้ตัวเอง แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน จัดไปอย่าได้รีรอกับ 5 สุดยอดทักษะทางอารมณ์ที่มีไว้ รับรองสมัครงานไหนก็ไม่พลาด...

         1.ทักษะการแก้ปัญหา เป็นทักษะทางอารมณ์ที่สำคัญที่สุดที่บรรดานายจ้างมองหา ทักษะการแก้ปัญหาในที่นี้ แบ่งออกเป็นปัญหาระยะสั้นและปัญหาระยะยาว สำหรับปัญหาระยะสั้นคือปัญหาที่เกิดเฉพาะหน้าต้องเน้นความสามารถ ไหวพริบ และการตัดสินใจที่แน่วแน่ ส่วนปัญหาระยะยาว ที่ต้องใช้การวางแผน การกำหนดยุทธศาสตร์อาจต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายในการแก้ไข ซึ่งทักษะการแก้ปัญหานี้ ถือเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่อาจลอกเลียนแบบได้

         2.ทักษะในการปรับตัว การเปลี่ยนแปลงมีอยู่รอบตัวเรา ดั่งสุภาษิตที่ว่า ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ในโลกของการทำงานก็เช่นกัน นอกจากจะต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอกแล้ว ปัจจัยภายในอย่างการโยกย้ายหรือลาออกของเพื่อนร่วมทีม บรรยากาศในการทำงาน ตลอดจนทิศทางในการบริหารงานที่เปลี่ยนไป ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะฉะนั้นทักษะที่นายจ้างปรารถนาเป็นอันดับสอง คือ พนักงานที่พร้อมปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง

         3.ทักษะในการสื่อสาร ไม่ว่าจะอยู่ในเลเวลไหน การสื่อสารคือหัวใจสำคัญที่ทำให้การทำงานลุล่วง การสื่อสารที่ดี ต้องชัดเจน ตรงประเด็น และ สะท้อนว่าคุณให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน นอกจากการสื่อสารผ่านวาจาหรือผ่านตัวอักษรแล้ว ภาษากายก็สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง หรือ การใช้สายตา คุณต้องมั่นใจว่าดูสุภาพ และไม่ขัดแย้งกับคำพูด เพราะสุดท้ายแล้วต่อให้คำพูดของคุณจะสวยหรูแค่ไหน แต่ภาษากายกลับสื่อความที่แตกต่าง ผู้ฟังย่อมก็มีแนวโน้มจะเชื่อภาษากายที่โกหกได้ยากมากกว่า

         4.ทักษะในการฟัง  ทักษะง่ายๆที่หลายคนมองข้ามไป ทั้งที่จริงๆแล้วอานุภาพของการฟังนั้นมีคุณอเนกอนันต์ เพราะนอกจากจะเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้จากผู้อื่นแล้ว การเป็นผู้ฟังที่ดี ยังสะท้อนว่าคุณให้เกียรติคู่สนทนาด้วย

         5.ทักษะจัดการกับความเครียด  ความเครียดเป็นภาวะทางอารมณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ด้วยสภาพสังคม และ การทำงานที่แข่งขันกันสูงขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นปัจจัยกระตุ้นสารพัดความเครียดให้เกิดขึ้นแบบรายชั่วโมง เพราะฉะนั้น ผู้ที่สามารถรับมือ และจัดการกับภาวะความเครียดที่พร้อมถาโถมเข้าใส่ได้อย่างดี ไม่ปล่อยให้ความเครียดบั่นทอนสุขภาพกายและสุขภาพจิต จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน คือ บุคคลที่นายจ้างทั่วราชอาณาจักรตามมา

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก