ข่าวดีของคนเจนวายที่รักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ อยากเป็นเจ้านายตัวเองตั้งแต่พ้นรั้วมหาวิทยาลัย เพราะมีผลวิจัยจากสองมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกจากอังกฤษอย่าง มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ และ มหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ ยืนยันแล้วว่า การเป็นนายตัวเองนั้น ทำให้ชีวิตชื่นบานกว่าการก้มหน้าเป็นมนุษย์เงินเดือนเป็นไหนๆ

         ผลวิจัยที่สั่นสะเทือนหัวใจเหล่ามนุษย์เงินเดือนไม่น้อยนี้ เป็นผลจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 5,000 คนในหลายประเทศทั่วโลกทั้งอังกฤษ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ผ่านแบบสอบถามออนไลน์ เพื่อประเมินความพึงพอใจในการทำงาน และ ความผูกพันที่มีต่องาน (Engage)

         งานนี้เพื่อลดอคติและความเอนเอียงว่าเป็นความรู้สึกของกลุ่มคนที่มาจากอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ทีมนักวิจัยได้กระจายการสำรวจไปยังกลุ่มอาชีพต่างๆ ทั้งภาคการเงิน สุขภาพ การศึกษา อสังหาริมทรัพย์ ประกันภัย และกลุ่มที่ทำงานเป็นที่ปรึกษา พร้อมกันนี้ยังเฉลี่ยกลุ่มตัวอย่างในการสำรวจโดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มตามระดับตำแหน่งงาน ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานที่มิได้เป็นผู้บริหาร, ผู้จัดการฝ่าย, ผู้บริหารระดับกลาง และ ผู้บริหารระดับสูง

         ผลปรากฏว่า กลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่มิได้เป็นผู้บริหาร เป็นกลุ่มที่ได้คะแนนน้อยสุดในเรื่องความพึงพอใจในงานที่ทำและความผูกพันกับงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความกระตือรือร้นในการทำงานของพนักงาน

         

นอกจากนี้ยังพบว่า ต่อให้อยู่ในเลเวลไหนในการทำงาน ก็ยังทำคะแนนในหมวดความพึงพอใจ และ ผูกพันกับงานได้ไม่ท็อปฟอร์มเท่ากลุ่มที่เป็นเจ้านายตัวเอง (Self Employed) เพราะ คนกลุ่มนี้ไม่เพียงพร้อมทุ่มเทให้กับงานที่ทำ กล้าเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เข้ามาเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังรู้สึกมีความสุขแบบคูณสองที่ได้มีอิสระในการคิด และ เลือกทำงานที่รักอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องถูกจำกัดกรอบด้วยบทบาทหน้าที่ และ ความรับผิดชอบ  

         คำถาม คือ ถ้าอย่างนั้น มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายควรยื่นใบลาออกเพื่อออกมาเป็นนายตัวเองอย่างนั้นหรือ คำตอบ คือ ยังไม่จำเป็น ถ้าคุณยังไม่ได้เซย์เยสกับทั้ง 9 คำถามจากนี้

         1.ต้องการเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น? ก่อนจะตอบว่าใช่แล้วไปต่อ ต้องเตือนตัวเองไว้ก่อนว่า การเป็นนายตัวเอง ไม่ได้ทำให้ชั่วโมงการทำงานน้อยลง เพียงแต่คุณจะได้คืนอำนาจในการบริหารจัดการเวลาตัวเองมาไว้ในกำมือ ไม่จำเป็นต้องตอกบัตร 8 โมงเช้าเลิกงาน 5 โมงเย็นอีกต่อไป  

         2.อยากคุมเกมส์? ถ้าคุณเป็นสายบู๊ อยากสานต่อไอเดียหรือโปรเจกต์สุดบรรเจิดของตัวเอง โดยไม่ต้องรอความเห็นชอบหรือดูสีหน้าใคร ไปต่อได้เลย

         3.มีแพชชั่นในสิ่งที่ทำ? ใครที่คิดจะเป็นนายตัวเอง ต้องแน่วแน่พอที่จะต้านทานกับอุปสรรคและความท้าทายที่จะเข้ามาบั่นทอนกำลังใจ เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ถ้าคิดว่าตัวเองมีสายเลือดนักสู้เต็มเปี่ยมก็ไม่ต้องกลัว

        4.เป็นผู้ฟังที่ดี? การเป็นนายตัวเองไม่ได้หมายความว่าใครๆ จะต้องฟังคุณ ในทางตรงข้าม คุณต่างหากที่ต้องสวมบทเป็นนักฟังที่ดี เพื่อรับฟังเสียงจากเพื่อนร่วมวงการ เสียงจากลูกค้า เพื่อนำมาต่อยอดและแก้ไข

         5.เป็นนักตัดสินใจตัวฉกาจ? นาทีนี้คุณคือตัวเอกของเรื่อง ไม่ว่าเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันใด คุณไม่มีบอส หรือ เพื่อนร่วมงานให้ร่วมรับผิดชอบหรือหารือ แต่คุณต้องเป็นคนที่พร้อมสวมบทผู้นำที่พร้อมตัดสินใจทุกอย่างอย่างเด็ดขาด

         6.มีทีมหนุนที่แข็งแกร่ง? การเป็นนายตัวเองมาพร้อมข้อดีสารพัด แต่บางครั้งก็มาพร้อมความเดียวดาย คุณต้องมั่นใจว่ามีเพื่อนและครอบครัวที่พร้อมเข้าใจและอยู่เคียงข้างและสนับสนุนคุณ

         7.เป็นสายเคร่ง มีวินัย? จากนี้ไม่มีใครคอยบอกให้คุณหรือไม่ทำอะไรอีกแล้ว เพราะฉะนั้นวินัยคือ สิ่งสำคัญที่ต้องมี

        8.พร้อมรับมือทุกสถานการณ์? คนเราไม่มีอะไรแน่นอน

        9.พร้อมลุยทุกบทบาท? คำจำกัดความของการเป็นนายตัวเอง คือ คุณต้องพร้อมเป็นทุกอย่างในอาณาจักรเล็กๆ ของคุณ บางเวลาคุณอาจเป็นบอส แต่ในบางครั้งคุณต้องเป็นฝ่ายบัญชี ฝ่ายกฏหมาย ฝ่ายไอที และ ฝ่ายขายในเวลาเดียวกัน

ขอบคุณที่มา www.sheffield.ac.uk ,  www.forbes.com