เมื่อ “อารมณ์ขัน” ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แต่เป็นรากฐานของความสำเร็จ
ถ้าใครต่อใครก็พากันนิยามว่าคุณเป็นคนมี “อารมณ์ขัน” จงภูมิใจกับคำชื่นชมนี้ เพราะ อารมณ์ขัน (sense of humor) ที่หลายคนอาจจะมองว่าไม่ใช่คุณสมบัติของหัวหน้าทีม หรือ ผู้นำที่สำคัญเท่าไร จึงพยายามลด ละ ทิ้งเพื่อรักษามาดผู้นำ แท้จริงแล้วเป็นคุณสมบัติที่คนอยากประสบความสำเร็จต้องมี
ที่ผ่านมา มีผลงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันแล้วว่า อารมณ์ขันไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวช่วยส่งเสริมความสำเร็จในการทำงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง หนึ่งในนั้นคือ ผลการสำรวจของ Robert Half International ซึ่งพบว่า 91%ของผู้บริหารระดับสูงยอมรับว่า อารมณ์ขันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความก้าวหน้าในอาชีพ ขณะที่อีก 84% พบว่าคนที่มีอารมณ์ขันมักทำงานได้ดีกว่าคนที่ชีวิตไร้ซึ่งเสียงหัวเราะ และความสนุกสนาน
สอดคล้องกับผลการศึกษาของศาสตรจารย์ เจนนิเฟอร์ อาเกอร์ และ นาโอมิ แบ็คโดนาส จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งได้กล่าวไว้ในการบรรยายหัวข้อ “อารมณ์ขันในการทำธุรกิจ” ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดว่า ผู้นำที่มีอารมณ์ขันสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งกว่า มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า และสามารถเจรจาต่อรองได้ผลดีกว่าด้วย
ใครที่กำลังขมวดคิ้ว สงสัยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นไปได้ จากนี้คือ 5 เหตุผลที่ฟังแล้วอาจทำให้คุณอยากลุกขึ้นมาระเบิดเสียงหัวเราะ 3 เวลาหลังอาหาร
1.อารมณ์ขันช่วยดึงสติ ในการทดลองของดร.จูเลีย วิลกินส์ พบว่า การหัวเราะนั้นจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารสื่อประสาทอย่างซีโรโทนิน ซึ่งมีอานุภาพช่วยทำให้จิตใจสงบเยือกเย็น ผ่อนคลายออกมาได้ใกล้เคียงกับเวลาที่ออกกำลังกายด้วยการแอโรบิกเลยทีเดียว ซึ่งหากอารมณ์ขันนี้ถูกบ่มเพาะในที่ทำงาน ไม่เพียงช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากงานที่เหนื่อยล้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ยังช่วยคลายความกังวลและความกลัวทั้งปวง
2.อารมณ์ขันช่วยให้ทุกอย่างดูซอฟต์ เมื่อใดก็ตามที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน หรือ ความขัดแย้ง ลองหาจังหวะดีๆ สร้างเสียงหัวเราะให้เกิดขึ้นในวงสนทนา รับรองว่าจะช่วยดับอารมณ์ที่คุกกรุ่น และ สร้างบรรยากาศที่ประนีประนอมขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ต้องระวังว่าคุณต้องปล่อยมุกให้ถูกจังหวะและไม่นำมุกที่เกี่ยวกับเพศและความไม่เท่าเทียมกันของมนุษย์มาใช้เป็นอันขาด เพราะนอกจากจะไม่เรียกเสียงฮา ยังอาจก่อให้เกิดทัศนคติด้านลบกลับไป
3.อารมณ์ขันช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ คริส โรเบิร์ต นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิสซูรี โคลัมเบีย พบว่าการพูดคุยเรื่องตลกที่เกี่ยวกับการทำงานนั้นจะให้ผลเชิงบวกในการทำงานไม่ว่าจะเป็นความสามารถเชิงสร้างสรรค์ รวมทั้งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในที่ทำงาน เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะในทางจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นว่า อารมณ์ขัน เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากความไม่ลงรอยกัน ในขณะที่เราคิดว่าสิ่งหนึ่งจะเกิดขึ้น แล้วก็ต้องตกใจเมื่อกลายเป็นอีกสิ่ง แต่พอรู้ว่าไม่มีอันตรายอะไร เราก็จะหัวเราะเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกประหลาดใจนั้น ซึ่งใครที่มีอารมณ์ขันติดตัว ย่อมหมายความว่า เขาเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานพร้อมจะเปิดใจรับกับความเสี่ยง และ จุดประกายไอเดียใหม่ๆ ได้ไม่ยาก
4.ช่วยสร้างความเชื่อมั่น ไมเคิล เคอร์ วิทยากรชื่อดัง และยังเป็นประธานของ Humor at Work เชื่อว่า การที่เรายอมเผยให้เห็นถึงความมีอารมณ์ขันเป็นการกระเทาะเปลือกให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงข้างใน ทำให้ใครๆ ก็อยากคบหา จึงมีแนวโน้มจะเป็นที่รัก และเป็นที่ไว้วางใจมากกว่าคนทั่วไป
5.เพชรฆาตความเครียด การหัวเราะมีอานุภาพร้ายกาจกว่าที่คุณจะคาดคิด เพราะสามารถทำให้ร่างกายของคุณได้รับการผ่อนคลาย ขับไล่ความเครียดที่เป็นตัวบั่นทอนประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ที่ความเครียดเข้าครอบงำ ลองส่งมือปราบที่ชื่อว่า เสียงหัวเราะไปกำราบดู บางครั้งคุณอาจไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สร้างอารมณ์ขัน แต่พาตัวเองไปแวดล้อมด้วยคนที่อารมณ์ขันก็พอ
ขอบคุณที่มา : www.elitedaily.com, www.inc.com และ https://munews.missouri.edu