วิธีแก้ไอ และลดการระคายคอ ในเวลากลางคืน
ปัญหาการไอและ อาการระคายคอ มักทำให้เราหงุดหงิด และรำคาญใจอยู่เสมอ และถ้าคุณมีอาการไอหรือระคายคอในช่วงกลางคืนด้วย ก็คงจะไปรบกวนคนรอบข้างและเวลานอนพักผ่อนเป็นอย่างมาก
หากเป็นอย่างนั้นแล้วคงส่งผลเสียต่อเราอย่างแน่นอน เพราะการถูกรบกวนในเวลาพักผ่อน อาจจะทำให้เรานอนหลับได้ไม่เต็มที่ และตื่นไปทำงานสายจนโดนเจ้านายเขม่นได้
หากรู้อย่างนี้ เราคงต้องหาวิธีแก้ไอและลดการระคายคอในช่วงเวลากลางคืน ที่เห็นผลอย่างชัดเจนและปลอดภัยแล้วล่ะ เพื่อที่จะได้ตัดปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากการไอและระคายคอตอนกลางคืน โดยเฉพาะเป็นการป้องกัน ปัญหาสุขภาพ ที่จะตามมาภายหลัง
ต้นเหตุของปัญหาการไอ และระคายคอในเวลากลางคืน
สาเหตุที่ทำให้เราเกิดอาการไอและระคายคอในช่วงเวลากลางคืน อาจจะมาจากการที่เราไม่สามารถควบคุมน้ำลาย น้ำมูก หรือเสมหะเหมือนในช่วงเวลากลางวัน หรือช่วงเวลาที่เรายังไม่ได้นอนหลับ
เพราะขณะที่เรานอนพักผ่อน น้ำมูกและเสมหะจะเริ่มสะสมตัวขึ้นอย่างช้าๆ จนทำให้เรารู้สึกหายใจไม่สะดวก และต้องจำใจตื่นขึ้นมากำจัดน้ำมูกและเสมหะในช่วงกลางดึก
แต่หากคุณไม่ได้มีอาการหวัด หรือมีน้ำมูก เสมหะ ในจมูกหรือลำคอตลอดเวลาแล้ว คุณอาจมีความเสี่ยงหรือ มีความผิดปกติที่ระบบทางเดินหายใจ ได้ เช่น การติดเชื้อโรค, ไซนัสอักเสบ, หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้น คุณควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและนำไปสู่การรักษาต่อไป
วิธีแก้ไอ และลดการระคายคอ ในเวลากลางคืน มีอะไรบ้าง ?
เมื่อเราเริ่มมีอาการไอและระคายคอในช่วงเวลากลางคืน หลายคนมักจะเลือกใช้วิธีแก้ไอและลดการระคายคอ อย่างการรับประทานยาแก้ไอหรือยาอมลดเสมหะ
แต่หากคุณลองวิธีนี้แล้วก็ยังไม่ได้ผลและมีอาการหนักกว่าเดิมแล้วล่ะก็ เราอยากแนะนำวิธีแก้ไอและลดการระคายคอในเวลากลางคืน ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1. ปรับเปลี่ยนท่านอน
เราอาจจะเคยได้ยินกันมาว่า ท่านอนที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดคือ “การนอนหงาย” แต่ในความเป็นจริงแล้วท่านอนที่เหมาะสมและให้ความสบายของแต่ละบุคคลนั้น ไม่เหมือนกัน และไม่มีท่านอนใดที่ดีที่สุดเป็นพิเศษ
ซึ่งเราสามาารถปรับเปลี่ยนท่านอนได้ตลอดเวลา จนกว่าเราจะรู้สึกว่า ท่านี้แหละที่เราทำแล้วรู้สึกสบายและเหมาะการนอนของเรามากที่สุด
แม้การปรับเปลี่ยนท่านอนเพื่อหาท่านอนที่สบายที่สุด จะไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวและสามารถทำตามใจได้ แต่ก็มีท่านอนยกเว้นที่ไม่แนะนำให้ทำ นั่นคือ “การนอนคว่ำ” เพราะท่านอนนี้จะทำให้เราหายใจไม่สะดวก
นอกจากนี้ การเลือกหมอนที่มีความหนานุ่มและพอดีกับคอ คือ ไม่สูงและไม่ต่ำจนเกินไป ก็จะช่วยลดการไอและการระคายคอในเวลากลางคืนได้
2. ล้างจมูก
มาต่อกันที่วิธีแก้ไอและลดการระคายคอ ที่อาจจะทำให้หลายคนกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าทำอยู่บ้าง นั่นคือ “การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ“ ซึ่งเป็นการทำความสะอาดภายในโพรงจมูก และมีประโยชน์ ดังนี้
- ช่วยเคลียร์ทางเดินหายใจให้โล่งขึ้น สะอาดขึ้น
- ช่วยลดน้ำมูก เสมหะ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ในโพรงจมูกได้
และหากเราได้ล้างจมูกก่อนนอนก็จะช่วยให้เรานอนหลับสบายมากขึ้นด้วย
3. เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย
สภาพอากาศที่หนาวเย็นในช่วงเวลากลางคืน มักเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาการไอและระคายคอรุนแรงมากขึ้น
ดังนั้น คุณควรเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย เช่น การดื่มน้ำอุ่นก่อนนอน, การนอนห่มผ้าหนาๆ หรือพันผ้าคอร่วมด้วย และไม่ควรเปิดแอร์ หรือดื่มน้ำเย็นก่อนนอน
แต่หากวิธีแก้ไอและลดการระคายคอข้างต้นทำให้คุณร้อนอบอ้าว คุณอาจจะเลือกใช้วิธีนอนเปิดพัดลมแทน และควรเปิดพัดลมแบบส่ายไปมา
4. ทานยาลดน้ำมูก
นอกจากการทานยาแก้ไอ หรือยาอมลดเสมหะแล้ว อีกวิธีหนึ่งในการลดอาการไอและระคายคอที่เห็นผลได้อย่างชัดเจนคือ “การทานยาลดน้ำมูก”
เพราะ ยาลดน้ำมูก จะช่วยลดน้ำมูก และเสมหะในระหว่างที่นอนหลับได้ แต่การทานยาลดน้ำมูกนั้นควรเป็นตามคำสั่งของแพทย์ และไม่ควรซื้อมาทานเอง เนื่องจากอาการไอ อาการจาม หรือมีน้ำมูกและเสมหะ เป็นหนึ่งในกระบวนการของร่างกายที่พยายามต่อต้านกับไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียที่กำลังได้รับ
โดยอาการทุกๆ อย่างจะค่อยทุเลาขึ้น เมื่อไวรัสหรือแบคทีเรียถูกกำจัดออกไปจากร่างกายแล้ว ดังนั้น การทานยาลดน้ำมูกควรทำตามที่แพทย์สั่ง อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น
5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
มาถึงข้อสุดท้ายของวิธีแก้ไอและลดการระคายคอในช่วงเวลากลางคืน นั่นคือ “การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ” มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะแย้งว่า จะทำได้อย่างไรก็เมื่อการไอและการระคายคอทำให้เราต้องตื่นขึ้นมากลางดึก หรือ นอนไม่พอ
และหากใครอาการหนักหน่อยก็ถึงขึ้นข่มตานอนไม่ได้เลยทีเดียว ซึ่งต้องยอมรับว่า อาการข้างต้นเกิดขึ้นจริงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องพยายามข่มตานอนให้ได้ เพราะอาการไอและระคายคอจะดีขึ้น ก็ต่อเมื่อร่างกายของเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม วิธีแก้ไอและลดอาการระคายคอในเวลากลางคืนข้างต้น เป็นเพียงการรักษาอาการเบื้องต้นเท่านั้น
หากคุณปฎิบัติตตามแล้วไม่เห็นผล หรืออาการไอและระคายคอหนักกว่าเดิม ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะอาการเหล่านี้มักนำไปสู่ โรคร้าย ที่คุณคาดไม่ถึงได้
ขอบคุณข้อมูลจาก rabbitfinance.com