ข้อควรรู้ ถ้าไม่อยากรับมือกับ ความจน
สำหรับทุกคนที่อยู่ในยุคค่าครองชีพแพง ถึงแม้หลายท่านจะบอกไม่แพงก็ตาม แต่ประชาชนส่วนใหญ่คงรู้สึกกับ ค่าน้ำมัน ค่าอาหารที่แพงขึ้นอยู่แล้ว เงินเดือนถ้าไม่ย้ายเป็น job hopper ก็ไม่มีโอกาสได้ขึ้นเงินเดือนสูงๆ
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้หลายคนต้องย้ายงานบ่อย ในรายหนักๆ คือผ่านโปรย้าย ผ่านโปรย้าย ก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิด จะเห็นได้ว่า ค่าครองชีพ มักสวนทางกับรายได้สำหรับเหล่าพนักงานประจำ เราจะทำอย่างไรดี rabbit finance จะชวนท่านมารู้จัก พฤติกรรมสร้างความจนกันครับ
5 วิธีหลุดกับดัก ความจน
ลองทุกอย่าง
คนยุคใหม่ที่ชอบสิ่งแปลกใหม่ เดี๋ยวนี้ มักมีอะไรๆ มาให้ได้ลองเยอะมาก ทั้งร้านอาหารที่ไม่ได้ขายเฉพาะอาหารและเครื่องดื่ม แต่ขายประสบการณ์ สถานที่ออกกำลังกายแนวใหม่ที่เพิ่มความสนุกให้กับเรา แบบไม่ใช่แนวฟิตเนสหรือยิม ที่มีแต่เครื่องออกกำลังกาย
ซึ่งคำว่าซื้อประสบการณ์นี้เอง คือตัวพาเราเสียเงินแบบมีเหตุผล แต่ละประสบการณ์ก็ไม่ได้ราคาถูก ด้วยความแปลกใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ย่อมมาพร้อมความแพงเป็นธรรมดา
การได้ลองสิ่งเหล่านี้ แล้วถ่ายรูปลงอินสตาแกรมเป็นสิ่งที่คุณทำได้ ลองได้ แต่ค่อยๆ ลองในแต่ละเดือนจะดีกว่า อย่าลองจนหมดตัวในครั้งเดียว
แยกหนี้รวย หนี้จน ให้ออก
สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างคนรวยคนจนมากพอสมควร โดยสิ่งของเดียวกัน สามารถเป็นได้ทั้งหนี้รวยและหนี้จน เช่น ถ้าเราผ่อนรถ 1 คันมา เพื่อขับไปทำงาน ขับไปหาลูกค้า ขับไปเรียนหาวิชาความรู้มาประกอบอาชีพ รถคันนี้คือ ทรัพย์สินที่สร้างรายได้ การที่เราเป็นหนี้ผ่อนรถ ถือว่าเราเป็นหนี้รวยแต่ถ้าเราซื้อรถมา เพื่อมาขับเล่น เพื่อความสวยงาม แบบไม่มีความจำเป็นอะไร การผ่อนรถคันนั้น ถือเป็นหนี้จน ซึ่งเอาจริงๆ ก็มีหลายคนที่หลอกตัวเอง ว่าซื้อของชิ้นหนึ่งมาเพราะมาหารายได้เพิ่ม ซื้อเพราะจะต้องใช้ในอนาคตแน่ๆ ซื้อเพราะจะได้ขายต่อได้ราคาดีขึ้น ก็ลองใช้สติมองตัวเองครับ เราคิดไปเองหรือเปล่า หรือมันมีความจำเป็นจริงๆ หรือแค่เราต้องการ
ไม่มีความรู้ด้านการเงินการลงทุน
อันนี้เป็นสิ่งที่คนไทยขาดมากครับ หรือบางคนรู้ แต่ทำไม่ได้ก็มี ความรู้ด้านการเงินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราในโลกทุนนิยม ที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเงิน เงินเป็นสิ่งที่ด้อยค่าลงตลอดเวลา เพราะในโลกมีอัตราเงินเฟ้อตลอด ให้เราหาเงินมาได้มากแค่ไหน แต่เงินของเราจะด้อยค่าลงเรื่อยๆ
ยกตัวอย่างง่าย ๆ กาแฟที่เราเคยกิน แก้วละ 30 บาท แต่วันนี้กาแฟแก้วเดียวกัน คงปาเข้าไป 40 บาท ในปริมาณที่เท่าเดิม เหตุการณ์นี้หมายความว่า อำนาจเงินในมือเราน้อยลง ซึ่งถ้าหากเราไม่รู้จักเอาเงินไปลงทุนเพื่อเพิ่มพูนเงิน การลงทุนก็เสี่ยงอีก เราจะมีเงินพอมาใช้ในอนาคตได้อย่างไร
ออมก่อนใช้ทีหลัง
เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่มักทำกันไม่ทัน พอเราได้เงินมา เราก็ต้องเอาไปจ่ายค่าใช้จ่ายประจำที่เราใช้อยู่ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นรายจ่ายตายตัวอยู่แล้ว จากนั้น เงินที่เหลือคุณต้องกันไว้เก็บออมส่วนหนึ่ง จากนั้นที่เหลือค่อยนำมาเป็นค่ากิน และค่าขนม ค่าใช้จ่ายที่ไม่ประจำ เพราะถ้าคุณไม่รีบกันเงินออมไว้แต่เนิ่นๆ คุณมีสิทธิ์ไม่ได้ออมสูงมากครับ
ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
สิ่งที่ทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จเรื่องการออม เนื่องจากคุณขาดเป้าหมาย โดยไม่รู้ว่า ถ้าออมไปแล้วจะนำเงินไปใช้ทำอะไร ออมไว้เฉยๆ แต่ถ้าคุณมีเป้าหมายเช่น คุณต้องการออมเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน …. ต่อปี อันนี้ คุณจะมีแรงในการออมเงินมากขึ้น หรือถ้าคุณมีภาระต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เชื่อเถอะครับ 2 อย่างนี้เป็นแรงผลักดันขั้นสุดให้มนุษย์เงินเดือนต้องต่อสู้ดินรนอย่างไม่ย่อท้อ
ตามคนอื่น
สำหรับข้อที่ทำให้คนหลายคนเป็นหนี้เพราะคุณอยากใช้ชีวิตแบบคนอื่น โดยเฉพาะในยุคที่เหล่าเซเลบต่างโชว์ไลฟ์สไตล์ผ่านอินสตาแกรม ไปกินที่ร้านนี้ โพสต์กระเป๋าร้านนั้น ลองเสื้อผ้าร้านนี้ ใช้บริการที่นี่ หารู้ไม่ว่าทั้งหมดนั้นเขาอาจไม่ได้ใช้เงินตัวเองเลย แต่ถูกจ้างมาให้กิน ให้เที่ยว ให้ใช้บริการ เป็นการตลาดของบริษัท และถ้าคุณมีไม่เท่าเขา แต่ไปใช้ชีวิตอย่างเหล่าบรรดาเซเลบ คุณก็ไม่พ้นการเป็นหนี้ครับ
มาถึงตรงนี้คุณคงทราบถึงสิ่งที่คุณคาด และสิ่งที่คุณมีแล้ว เรื่องใดที่คุณคาดก็ต้องนำมาปรับใช้กับตัวเอง เพื่อให้คุณหลุดจากกับดัก ความจน ไปให้ได้ หรือถ้าใครยังไม่ถึงขนาดจน แล้วไม่ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้….
คุณก็มีสิทธิ์จนโดยไม่รู้ตัวครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก rabbitfinance.com