ATMOZ LADPRAO 15: คอนโดฯใหม่ที่ให้ Facilities แบบ Double เยอะที่สุดในโซนลาดพร้าวตอนต้น
ATMOZ LADPRAO 15: คอนโดฯใหม่ที่ให้ Facilities แบบ Double เยอะที่สุดในโซนลาดพร้าวตอนต้น
ATMOZ LADPRAO 15 กำลังมองหาคอนโดฯ โซนลาดพร้าวตอนต้นอยู่หรือเปล่า?? ทำเลลาดพร้าวยังคงเป็นย่านอยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหลายคนอาจจะติดภาพการจราจรที่แออัดไปบ้าง แต่ต้องบอกก่อนว่าทำเลลาดพร้าวได้แบ่งออกเป็นหลายโซน โดยโซนที่เราจะพูดถึงในวันนี้ก็คือ “ลาดพร้าวตอนต้น” ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งทำเลทองที่ฮอตฮิต ไม่แพ้โซนอื่นๆในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคอนโดฯโครงการใหม่ในซอยลาดพร้าว 15 ที่ได้กระแสการตอบรับจากลูกค้าถล่มทลาย เพราะ Sold out ทั้งโครงการ ภายใน 2 วัน
ซึ่งวันนี้เราจะไปกันที่ โครงการ แอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) จาก Asset Wise โครงการคอนโดมิเนียม 8 ชั้น แบบ Fully Furnished อยู่ในซอยลาดพร้าว 15 เข้าซอยไปประมาณ 800 เมตร กับราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่ง TerraBKK ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับศักยภาพของทำเลในโซนลาดพร้าวตอนต้นไปแล้ว อ่านเพิ่มเติม คลิก
ดังนั้นในวันนี้เราจะเข้าไปดูรายละเอียดของโครงการ แอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) กันอย่างเจาะลึกว่าภายในโครงการและพื้นที่โดยรอบมีความน่าสนใจและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างไรบ้างค่ะ
เริ่มจากทำเลที่ตั้งโครงการ แอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) ทำเลถือว่าดีเพราะโครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 ถือเป็นโซนใจกลางลาดพร้าว เดินทางสะดวกจากบริการรถสาธารณะ ทั้งรถเมล์ แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ และยังใกล้กับรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ซึ่งโครงการมี Shuttle Service รถรับส่งลูกบ้านจากคอนโดฯไปที่รถไฟฟ้า
- รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีลาดพร้าว และสถานีพหลโยธิน
เชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ที่สถานีจตุจักร และสถานีอโศก
ในอนาคต MRT สายสีน้ำเงินสถานีพหลโยธิน เชื่อมต่อกับสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่สถานีห้าแยกลาดพร้าวไปยังฝั่งคูคต
- รถไฟฟ้าโมโนเรล MRT สายสีเหลือง สถานี Interchange ที่สถานี รัชดา กับ MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีลาดพร้าว
พร้อมเชื่อมต่อเส้นทางรถยนต์ด้วยถนนหลักในกรุงเทพฯ 4 สายหลัก อย่าง ถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษก ถนนวิภาวดี ถนนพหลโยธิน เพราะ จากตัวโครงการ สามารถเข้า-ออก ได้หลายทาง โดยเส้นทางหลักคือ ซอยลาดพร้าว 15 ซึ่งซอยนี้ยังเป็นเส้นทางลัดไปยังซอยลาดพร้าว 1 และ 3 ซอยพหลโยธิน 22 และ 24 เพื่อลัดไปยังเส้นทางหลักได้อย่างง่ายดาย
ส่วนใครที่ต้องใช้บริการทางด่วนเป็นประจำ โครงการ ก็อยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ใช้ไปทางพระราม 9 ได้ และเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปทางบางนาและชลบุรี
แน่นอนว่าใครที่คุ้นเคยในโซนลาดพร้าวตอนต้นจะทราบดีว่าในโซนนี้นอกจากการเดินทางไปไหนมาไหนที่สะดวกแล้ว บริเวณรอบๆ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่คอยรองรับคนในย่านนี้อย่างครบครัน ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง อย่าง เซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการ แอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที โดยใช้เส้นทางลัดภายในซอยลาดพร้าว 15 ทะลุไปยังซอยลาดพร้าว1 ซึ่งอยู่ติดกับยูเนี่ยนมอลล์ได้สะดวกมากๆค่ะ หรือถ้าอยากไปช้อปปิ้งที่ตลาดนัดสวนจตุจักร หรือไปวิ่งออกกำลังกายชมธรรมชาติที่สวนจตุจักร ก็แนะนำให้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ขึ้นที่สถานีลาดพร้าว นั่งเพลินๆ เพียง 2 สถานี ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงสวนจตุจักรแล้วจ้า
พร้อมเอาใจผู้ที่ชื่อชอบการเดินซื้อของใช้ในบ้านหรือรวมถึงอาหารสดไว้ทำอาหารทานเองในช่วงวันหยุด เพราะโครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) อยู่ใกล้กับบิ๊กซี ลาดพร้าวเพียง 350 เมตร เท่านั้น เป็นระยะทางที่เดินเล่นมาช้อปปิ้งได้ง่ายเลยทีเดียวค่ะ
นอกจากแหล่งช้อปปิ้งมากมากแล้ว ใกล้ๆกันยังมีสถานศึกษาชั้นนำ อีกหลายแห่ง อาทิ โรงเรียนหอวัง ม.เซนต์จอห์น สถาบันการบินพลเรือน ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ ม.เกษตรศาสตร์ และสถานพยาบาล อย่าง รพ.เปาโลเมโมเรียล เกษตร และ รพ.เปาโลเมโมเรียล พหลโยธิน
มาดูแหล่งงานกันบ้างในย่านนี้ต้องบอกว่าแหล่งงานมีจำนวนมาก และเป็นบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ของไทยหลายแห่ง อาทิ การบินไทย, ปตท.,กระทรวงพลังงาน,ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่,บางกอก แอร์เวย์,ไทยรัฐ,อาร์เอส,อาคารซันทาวเวอร์,ธนาคารTMB สำนักงานใหญ่
เรียกได้ว่าในพื้นที่ใกล้เคียงโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งถ้าใครที่ทำงานอยู่ในย่านนี้ และกำลังเตรียมหาคอนโดฯโครงการใหม่ในโซนลาดพร้าวตอนต้นก็เดินทางสะดวกสบายดีค่ะ
สำหรับโครงการ แอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) เป็นคอนโดมิเนียม Low rise สูง 8 ชั้น 3 อาคาร รวม 570 ยูนิต พร้อมร้านค้า 2 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 4-0-15.1 ไร่ จากแนวคิด “SERENE” ความสงบ...ที่ซ่อนอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ผสมผสานกับความร่มรื่นของธรรมชาติที่โอบล้อม ที่เน้นความกว้างขวางของสเปซ สร้างบรรยากาศ “Atmosphere” ที่น่าอยู่ ให้รู้สึกผ่อนคลาย และหายใจได้เต็มปอดไปกับต้นไม้ชุ่มฉ่ำ พร้อมตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ กับอาคารที่ออกแบบโมเดิร์นเรียบง่าย เน้นสีสันโทนสีขาว-เทา และใช้เส้นสีทองแดง ตัดกับลายหินอ่อนสีขาว ผนังประดับด้วยกระเบื้องลายหินวางสลับกันเป็นจังหวะสร้างลูกเล่น ให้ดูเรียบแต่มีความหรูหรา
และสร้างสรรค์บรรยากาศการอยู่อาศัยให้สนุกยิ่งขึ้นให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน กับพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ถึงสองเท่ากับ “Double Facilities” เพื่อตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เรียกได้ว่าโครงการนี้ให้ Facilities เยอะที่สุด สำหรับคอนโดฯ Low rise ในช่วงลาดพร้าวตอนต้นเลยทีเดียวค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าโครงการนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ Facilities แบบ Double ดังนั้นในแต่ละอาคารจึงมี Facilities หลากหลาย โดยถ้าดูจากภาพมุมสูงของตัวโครงการที่นี่จะมีสวนพักผ่อน 2 สวน และสระว่ายน้ำ 2 สระ ที่มีเพียงแห่งเดียวในลาดพร้าว โดยสระว่ายน้ำและสวนส่วนหนึ่งจะอยู่บนชั้น Rooftop อีกส่วนหนึ่งจะอยู่ตรง Court ระหว่างอาคารทั้ง 3 อาคาร โดยสระว่ายน้ำชั้น Rooftop จะเป็น Panoramic Sky Pool สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ ภายในสระจะมีส่วนของ Aqua Bike ด้วย
เจาะลึก Facilities ของแต่ละอาคาร
เริ่มจาก อาคาร A ภายในโถง Lobby เป็นส่วน Foyer ที่เชื่อมจากลานจอดรถ ภายในห้องดีไซน์ Space แบบ Double Volume ฝ้าสูง ดูโปร่งโล่ง ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนตัดด้วยเส้นสีทองแดง ดูเรียบหรู
บนชั้น 8 จะเป็นส่วนของ Cinema Lounge, Game Room (VR), Co-living Lounge (&Pantry) และ Party Zone สำหรับการพักผ่อนและการจัดปาร์ตี้ พร้อมทั้งแพนทรี่สำหรับการเตรียมเครื่องดื่มและอาหารเชื่อมต่อกับ Outdoor Unwind Space Area และ Co-Working Space ซึ่งพื้นที่ชั้น 8 อาคาร A จะเชื่อมกับ ชั้น Rooftop ของอาคาร B ผ่านบันไดทางเชื่อมสร้างบรรยากาศแบบ Common Area
ส่วนอาคาร B ชั้น 8 เป็นส่วนของ Sky Water Club มีพื้นที่มุมนั่งเล่นอยู่ข้างสระ Panoramic Sky Pool (Rooftop) ในสระมี Aqua Bike สำหรับการออกกำลังกายในน้ำ และ Day Bed สำหรับนอนพักผ่อนชมวิวเมือง
และจากบริเวณ Sky Water Club จะเชื่อมต่อกับสวนด้านหลัง เป็นส่วนของ Barefoot Garden และ Yoga Deck สร้าง Activities ในความสงบ ส่วน Ground Floor พื้นที่ Serenity Courtyard
อาคาร C จะมี Fitness ขนาดใหญ่ ประกอบด้วย Boxing Corner, Multi-Function Room และ Passive & Active Fitness พร้อมทั้งห้องน้ำแยกชาย-หญิง
ส่วนด้านล่าง ระหว่างอาคาร B และ C ที่ชั้น G จะเป็น Facilities ส่วนของ Reflective Oasis Pool และ Serenity Courtyard , Double Ceiling Lobby & Library สร้างบรรยากาศความสงบด้วยความร่มรื่นของต้นไม้
Facilities ที่มีความหลากหลายแบบนี้จึงเหมาะกับ ผู้ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมในคอนโดฯ และยังสามารถแชร์พื้นที่ร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ รวมถึงสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านภายในโครงการได้อีกด้วย
สำหรับ Floor Plan ของโครงการ แอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) ทางเข้า-ออกหลักของโครงการจะอยู่ใน ซ.ลาดพร้าว 15 ระหว่างอาคาร A และ B ส่วนอาคารC จะอยู่ฝั่งริมขวาสุดของโครงการ โดยทางเข้าจะใช้ระบบ Access Control รักษาความปลอดภัย ด้วย CCTV และ รปภ.ตลอด 24 ชั่วโมง มีที่จอดรถใต้อาคาร และที่จอดรถ Auto Parking อยู่ฝั่งอาคาร A รวมทั้งหมด 45% โดยที่ใต้อาคาร A, B และ C จะมีโถง Lobby ฝ้าเพดานสูง Double Volume แยกทุกอาคาร เชื่อมสู่โถงลิฟท์ ระบบการผ่านเข้า-ออก จะต้องใช้ Key Card เพื่อความปลอดภัย โดยอาคาร A จะ มี 2 ร้านค้า ส่วนบริเวณห้องเครื่องซักผ้า จะอยู่ที่ใต้อาคาร C
ห้องของโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบ คือ
- 1 Bedroom 25.02 – 27.12 ตร.ม.
- 1 Bedroom Exclusive 28.21 – 29.12 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus 35.44 – 36.56 ตร.ม.
ซึ่งโครงการนี้จะขายห้องแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ อาทิ เคาน์เตอร์ครัว (อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า พร้อมเครื่องดูดควัน ชั้นวางทีวี โซฟา ตู้เสื้อผ้า และฐานเตียง) พร้อม เครื่องปรับอากาศ เพิ่มความปลอดภัยด้วยประตู Digital Door Lock , Bluetooth Sound System และ Health Solution เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง เช่น Thermostat ควบคุมอุณหภูมิห้องและการระบายอากาศ , LED Lighting Motion Sensor ใต้เตียง และ Rescue Alarm สัญญาณฉุกเฉินภายในห้องน้ำ
ดังนั้นไม่รอช้าเข้าไปดูห้องตัวอย่างแต่ละ Type ในโครงการ แอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) กันค่ะ
ห้องตัวอย่าง แบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.63 ตร.ม.
สำหรับห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.63 ตร.ม. แปลนห้องมีการแบ่งสัดส่วนของห้องนั่งเล่น และห้องนอน โดยใช้กระจกบานเลื่อนกั้น ขนาดห้องไม่เล็กจนเกินไป ทำให้รู้สึกโปร่ง ไม่อึดอัด ความสูงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร พื้นห้องปูด้วยไวนิลลายไม้ ส่วนประตูทางเข้าห้องจะใช้บานลายไม้ พร้อม Digital Door Lock
โดยส่วนแรกของห้องฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่ครัว มีเคาน์เตอร์ครัว ด้านข้างเป็นพื้นที่ให้วางตู้เย็นขนาดกลางได้พอดี ส่วนฝั่งขวาของห้องเป็นห้องน้ำพื้นสีขาว เทา ภายในมีสุขภัณฑ์ตามมาตรฐาน แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกด้วยบานเลื่อนกระจก ข้างๆชักโครก ติดตั้ง Rescue Alarm สัญญาณฉุกเฉินภายในห้องน้ำ ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในห้องและใกล้เคียงห้อง กำแพงด้านหน้าห้องน้ำติดตั้ง Thermostat ควบคุมอุณหภูมิห้องและการระบายอากาศ ไม่ให้ห้องอับ พร้อมติด Bluetooth Sound System ให้ด้วย
ถัดไปเป็นพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น ซึ่งโครงการมีการติดตั้งชั้นวางทีวีแบบลอย พร้อมชั้นวางของด้านบนไว้ให้แล้ว โดยระยะวางทีวีและโซฟา ถือว่าเหมาะสมไม่ใกล้จนเกินไป สามารถวางโซฟาขนาด2 ที่นั่ง เหลือพื้นที่วางโคมไฟได้อีกด้วย
ติดกับส่วนนั่งเล่น จุดนี้จะเป็นบานเลื่อน 3 พับ ซึ่งแบ่งให้พื้นที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่นแยกออกจากกัน และมีความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาพักผ่อนมากขึ้น โดยในส่วนห้องนอนโครงการติดตั้งฐานเตียงขนาด 5 ฟุต ฐานเตียงมีลิ้นชักสำหรับเก็บของ ส่วนปลายเตียงทางโครงการจะติด LED Lighting Motion ให้ด้วย ในช่วงตอนกลางคืน เวลาเดินไปเข้าห้องน้ำ ไฟส่วนนี้จะติดอัตโนมัติ
บริเวณพื้นที่ห้องนอน ถือว่ามีนาดใหญ่พอสมควรเพราะ ในห้องตัวอย่างยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลืออยู่ สามารถวางโซฟาด้านข้างเตียงได้อีกด้วย ด้านข้างเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งและหน้าต่างบานฟิกซ์เต็มผนัง ช่วยเพิ่มแสงภายในห้อง
ส่วนตรงข้ามเตียงฝั่งขวามือ เป็นตู้เสื้อผ้า Built-in แบบบานเลื่อนเปิดทั้ง 2 ฝั่ง ที่ทางโครงการติดตั้งมาให้ด้วย ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ ภายในมีราวแขวนเสื้อผ้า, ลิ้นชักเก็บของ และชั้นลอย ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นเชื่อมต่อกับระเบียงกั้นด้วยประตูบานเลื่อน พื้นที่ระเบียงสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ และตากผ้าได้ โดยมีระแนงบังสายตา
ห้องตัวอย่าง แบบห้อง 1 Bedroom Exclusive 28.60 ตร.ม.
แปลนห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ดี ขนาดห้องเหมาะสม จุดเด่นของห้องแบบนี้ คือ ห้องครัวปิดที่แยกออกจากส่วนนั่งเล่นและห้องนอน โดยใช้บานเลื่อนกระจกกั้น ทำให้สามารถทำครัวได้เต็มรูปแบบป้องกันกลิ่นฟุ้งทั่วห้องได้เป็นอย่างดี
โดยส่วนแรกของห้องจะเป็นส่วนนั่งเล่น ฝั่งขวาวางโซฟาขนาดกลาง ติดกันวางโต๊ะทานอาหารพร้อมเก้าอี้ ซึ่งโครงการมีมาให้แล้ว ตรงข้ามเป็นพื้นที่ชั้นวางทีวีพร้อมตู้เก็บของด้านล่าง และชั้นวางของตกแต่งด้านบน ซึ่งจะให้เป็นมาตรฐานในทุกห้อง
อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าห้องครัวของห้องรูปแบบนี้ได้ถูกจัดให้แยกส่วน ดังนั้นด้านข้างของชั้นวางทีวี จึงเป็นส่วนของประตูกระจกบานเลื่อนที่จะเข้าไปยังห้องครัว เดินผ่านประตูกระจกไปยังส่วนครัว ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ พื้นสีขาว เทา ภายในมีสุขภัณฑ์ตามมาตรฐาน ซึ่งมีขนาดกว้างพอสมควร แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกด้วยบานเลื่อนกระจก ข้างๆชักโครก ติดตั้ง Rescue Alarm สัญญาณฉุกเฉินภายในห้องน้ำ
เดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปจะเป็นห้องครัว ส่วนแรกจะให้พื้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาดกลางได้ติดกันเป็นเคาน์เตอร์ครัว ตามมารฐานที่โครงการติดตั้งให้ ส่วนด้านหลังจะเป็นพื้นที่ตู้เก็บของและชั้นวางไมโครเวฟที่ห้องนี้มีเพิ่มเติม ถัดออกไปเป็นพื้นที่ระเบียงซึ่งมีขนาดพอๆกับห้อง 1 Bedroom ซึ่งสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ และตากผ้าได้ โดยมีระแนงบังสายตา
ส่วนพื้นที่ห้องนอน โครงการนี้จะให้เป็นบานเลื่อนกระจก3 พับ เป็นมาตรฐาน พร้อมติดตั้งตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน ฐานเตียง 5 ฟุตให้ ซึ่งจริงๆแล้วพื้นที่ภายในส่วนห้องนอนมีความกว้างพอสมควร ถ้าใครต้องการเตียงขนาดใหญ่ก็สามารถวางได้และยังมีพื้นที่ด้านข้างวางโคมไฟ ได้อีกด้วย ถือเป็นห้องนอนที่กว้างขวางเลยทีเดียว
ห้องตัวอย่าง แบบห้อง 1 Bedroom Plus 35.44 ตร.ม.
ปิดท้ายกันที่ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.44 ตร.ม. ด้วยพื้นที่ห้องที่มีขนาดใหญ่ การวางแปลนห้องจึงแบ่งฝั่งขวาเป็นพื้นที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่น ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องอเนกประสงค์ และ ระเบียง
โดยส่วนแรกที่เป็นส่วนนั่งเล่นจึงมีพื้นที่กว้างขวางอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถวางโซฟา ตกแต่งชั้นวางของรวมถึงตู้เก็บของ และยังมีพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร 2 ที่นั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัด ตรงข้ามโซฟา เป็นชั้นวางทีวีตามมารฐานที่โครงการติดตั้งให้ ติดกับห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นที่ห้องนอน ซึ่งที่โครงการนี้จะให้เป็นบานเลื่อนกระจก3 พับ เป็นมาตรฐาน
ส่วนตู้เสื้อผ้าห้องนี้จะตั้งอยู่ฝั่งหัวเตียงติดกับบานเลื่อน ได้เป็นตู้บานเปิดคู่ ภายในก็มีราวแขวน และช่องเก็บของ 3 ช่อง ติดกันวางเตียงขนาด 5 ฟุตชิดกับกำแพง ส่วนปลายเตียงมีพื้นที่ว่างพอสมควร ด้านข้างเตียง เป็นหน้าต่างบานกระทุ้งและหน้าต่างบานฟิกซ์เต็มผนัง ช่วยเพิ่มแสงภายในห้องได้ดี
มาดูอีกฝั่ง เริ่มจากห้องน้ำของห้องนี้ จะอยู่ด้านหลังประตูทางเข้า ซึ่งภายในการตกแต่งและการแบ่งพื้นที่ใช้สอยจะเหมือนกับห้องแบบอื่นๆ ถัดไปเป็นพื้นที่ครัว ซึ่งอยู่ด้านข้างชั้นวางทีวี เป็นพื้นที่ครัวแบบปิดเช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom Exclusive โดยใช้กระจกบานเลื่อนกั้น ด้านในพื้นที่ค่อนข้างจำกัด แต่โครงการได้ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวพร้อมตู้ Built-in ให้สามารถเก็บของได้มากขึ้น มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า วางตู้เย็น ได้อย่างเหมาะสม
และห้องสุดท้ายสำหรับห้องนี้ คือห้องอเนกประสงค์ ภายในห้องตัวอย่างตกแต่งเป็นห้องนอนเล็ก โดยวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ช่วงปลายเตียงติดกับประตูระเบียง ด้านบนติด Built-in ตู้เก็บของพร้อมราวแขวน ถือว่าออกแบบมาได้ดี ซึ่งการอยู่อาศัยจริงสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานหรือห้องแต่งตัวเพิ่มเติมได้ค่ะ
เรียกได้ว่าภาพรวมการออกแบบ โครงการ แอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) การออกแบบพื้นที่ภายในห้องก็เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่และยังมีเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished และยังพร้อมไปด้วย Facilities แบบ Double ทำให้โครงการมีความน่าสนใจมากขึ้น กับราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท
สำหรับผู้ที่สนใจ โครงการ แอทโมซ ลาดพร้าว 15 (ATMOZ LADPRAO 15) สามารถเข้าชมห้องตัวอย่างได้แล้วที่ Sale Office ของโครงการ ที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร Move Amaze ชั้น 2-3 บนถนนลาดพร้าว ระหว่างซอยลาดพร้าว 19 และ 21 ส่วนโปรโมชั่นพิเศษ จะมีรายละเอียดดังนี้
- รับส่วนลดพิเศษ 15,000
- สำหรับลูกค้าเก่าหากแนะนำเพื่อนรับส่วนลดเพิ่ม 40,000
- ส่วนลดงวดดาวน์ 2 งวดสุดท้าย
พิเศษอาคาร B
- รับ Voucher HomePro 50,000
คลิกเข้าชมเว็ปไซต์ เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ http://bit.ly/2tS3MRQ หรือติดต่อสอบถามโทร 063-207-1997
ขอบคุณข้อมูลจาก assetwise.co.th