4 ข้อคิดที่ “บิล เกตส์” เรียนรู้จากคู่หูต่างวัย
เอ่ยชื่อ “บิล เกตส์” เจ้าพ่อแห่งโลกเทคโนโลยี และ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เจ้าพ่อแห่งการลงทุน ไม่มีใครไม่รู้จัก แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้หรือคาดไม่ถึง คือ ทั้งสองไม่ได้ร่วมอยู่ใน “ทำเนียบบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก” เท่านั้น แต่ยังเป็นคู่หูต่างวัย ที่บ่มเพาะมิตรภาพกันมานานถึง 25 ปี โดยผู้ที่ชักนำให้ทั้งมาเจอกันไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณแม่ของบิล เกตส์
เพื่อเป็นการฉลองมิตรภาพของคู่หูต่างวัย เกตส์ได้ถ่ายทอดบทเรียนอันทรงคุณค่าที่ได้เรียนรู้จากบัฟเฟตต์อย่างน่าสนใจ และ ลองมาทำตาม โดยเฉพาะใครที่มีเกตส์ หรือ บัฟเฟตต์เป็นไอดอล
1.อย่าเอาแต่มุ่งลงทุน แต่จงมองภาพใหญ่
ใครๆก็รู้ว่า บัฟเฟตต์ เป็นเจ้าพ่อนักลงทุกที่คนทั้งโลกซูฮก แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้บัฟเฟตต์ประสบความสำเร็จไม่ใช่ฝีมือการเลือกหุ้นที่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่อาศัยการมองภาพใหญ่ของธุรกิจ แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับความเคลื่อนไหวรายวันของตลาดหุ้น บัฟเฟตต์ให้ความสำคัญกับภาพรวมของการเติบโตในระยะยาว มองถึงความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งเปรียบเสมือนคูเมืองของธุรกิจ โดยบัฟเฟตต์ได้ให้หลักสำคัญไว้คือ ต้องวิเคราะห์ว่าคูเมืองนั้นกำลังคับแคบลง หรือกำลังขยายใหญ่ขึ้น และให้นักลงทุนคิดเสมือนว่าตัวเองเป็นเจ้าของกิจการ มองไปถึงกำไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และรู้จักประเมินความคุ้มค่าในการลงทุน
2.เปิดเผย ซื่อสัตย์ และ อย่าลืมอารมณ์ขัน
สิ่งที่เกตส์ชื่นชื่ม และ ถือเอาบัฟเฟตต์เป็นแรงบันดาลใจ คือ การส่งจดหมายถึงผู้ถือหุ้นทุกๆ ปี เพื่อถ่ายทอดมุมมองเชิงลึกทางธุรกิจและการลงทุน บัฟเฟตต์ไม่เพียงใช้ศิลปะการสื่อสารชั้นยอดที่ให้คำแนะนำที่ช่วยให้บรรดาผู้ถือหุ้นสามารถลงทุนได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา และไม่ลืมที่จะสอดแทรกอารมณ์ขันลงไป
3.รู้คุณค่าของเวลา
เกตส์เคยกล่าวไว้ว่า “ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากเพียงใด คุณก็ไม่สามารถจะซื้อเวลาให้มีมากขึ้นได้” เพราะฉะนั้น บัฟเฟตต์จึงให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก บัฟเฟตต์จะไม่เสียเวลาไปร่วมการประชุมที่ไม่จำเป็น เขาจึงพยายามแบ่งเวลาสำหรับที่ปรึกษาที่ใกล้ชิด และมีเวลาให้เสมอสำหรับบุคคลที่เขาไว้วางใจ
4.ให้ความสำคัญกับมิตรภาพ
สิ่งสำคัญที่สุดที่เกตส์ บอกว่าได้เรียนรู้จากบัฟเฟตต์ตลอดหลายปีที่คบหากัน ไม่ใช่เรื่องเงินทอง แต่เป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า
“โทรศัพท์ที่ออฟฟิศของผมมีเบอร์ด่วน 2 เบอร์คือ ที่บ้านและบัฟเฟตต์ ถ้าวันไหนบัฟเฟตต์โทรหาผม นั่นถือว่าเป็นไฮไลท์ของสัปดาห์ ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากบัฟเฟตต์ เรามักคุยกับเรื่องบริษัท การเมือง เหตุการณ์สำคัญของโลก และนวัตกรรมใหม่ ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากที่ได้เรียนรู้มุมมองในเรื่องเดียวกันจากคนที่มาจากต่างภูมิหลัง ในขณะที่บัฟเฟตต์มองทุกอย่างผ่านสายตานักลงทุน ผมมองทุกอย่างผ่านสายตาของคนที่โตมากับโลกเทคโนโลยี“
นอกจากนี้ บัฟเฟตต์ ยังใส่ใจกับมิตรภาพ และ คนรอบตัว
“บางครั้งบัฟเฟตต์อ่านอีเมลเจอบทความที่คิดว่าผมและเมลินดาน่าจะสนใจก็จะส่งมาให้ หรือ เมื่อไหร่ที่ผมเดินทางไปโอมาฮา เขาก็จะมารับผมที่สนามบิน มันอาจจะดูเป็นเรี่องที่เล็กน้อย แต่ยิ่งใหญ่สำหรับผม ผมแทบจะอดใจรอให้ประตูเครื่องบินเปิดไม่ไหว เพราะผมรู้ว่าเขากำลังรอผมอยู่ เพื่อแชร์เรื่องราวใหม่ๆ หรือ โจ๊กขำๆ ที่ผมจะได้เรียนรู้และหัวเราะไปกับเขาอีกครั้ง