“แรงบันดาลใจ” คำที่ได้ยินกันชินหู เมื่อคิดจะทำอะไรสักอย่างในชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งที่รัก ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหนังสือ ร้องเพลง หรือแกะท่าเต้นตามนักร้องที่ชื่นชอบ และเมื่อความตั้งใจไม่เป็นไปตามที่หวัง ความย่อท้อที่จ่อรออยู่ก็เข้ามาผสมโรง

เมื่อจิตใจถูกควบคุมด้วยว่าย่อท้อ ฟันธงเลยว่า แรงบันดาลใจ ได้หายไปแล้ว เหลือเพียงแต่กำลังใจที่หมดสิ้นไป ความเครียดถาโถมเข้าใส่ อะอ๊าว..ไหนว่าเป็นสิ่งที่รัก? ทำไมถึงโบกมือลายกธงขาวเอาดื้อๆ ไม่สิ! เราต้องรีบตามหา แรงบันดาลใจ ใหม่ๆ เพื่อสิ่งที่รักซึ่งรออยู่ปลายทางข้างหน้านั่นไง..

แรงขับเคลื่อนที่หลบซ่อนอยู่

รู้หรือไม่ว่า แรงบันดาลใจ ถูกฝังไว้ควบคู่กับความย่อท้อ เป็นขมิ้นกับปูนที่ไม่มีวันผสมกันได้อย่างลงตัว ก่อนจะปลุกแรงขับเคลื่อนออกมาให้ตัวเองอีกครั้งหลังจากย่อท้อไปแล้ว เราต้องเสาะหา แรงบันดาลใจ อีกรอบเสียก่อนว่าจะหาได้จากไหน บางคนอาจเลือกวิธีง่ายที่สุดคือ การเลือกดูภาพยนตร์ที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อเรียกพละกำลังให้ตัวเองในขั้นเริ่มต้น

เลิกทำอะไรน่าเบื่อ

การทำอะไรที่มันจำเจทำให้รู้สึกไม่มีอะไรแปลกใหม่เข้ามาในชีวิต อย่างกินอาหารร้านเดิมๆ ใส่เสื้อผ้าสีเดิมๆ จนเราเคยชินกับสิ่งเหล่านั้นไปโดยปริยาย สมองก็จะสั่งการกิจวัตรประจำวันนั้นอยู่ซ้ำๆ ถ้าเราลองกินร้านอาหารใหม่ๆ ไปในที่ที่ไม่เคยไป ออกกำลังกายแก้เบื่อ หรืออะไรก็ตามที่แปลกใหม่กับชีวิต ไอเดียดีๆ หรือไอเดียแปลกใหม่จะสร้าง แรงบันดาลใจให้ก็ได้นะ

ตั้งเป้าหมายอีกสักครั้ง

ลองชั่งใจดูอีกสักครั้งว่าสิ่งที่เราทำนั้นเรารักจริงหรือเปล่า? เราชอบสิ่งที่ทำอยู่ใช่ไหม ถ้าคิดว่าใช่ก็ลุยไปเลย โดยการตั้งเป้าหมายอาจจะมองสิ่งเล็กๆ ก่อน เมื่อสำเร็จก็ค่อยขยับให้ใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเกิดผิดหวังก็ไม่ควรเสียใจนาน อย่าให้ความย่อท้อควบคุมเราได้ ยิ่งเป็นสิ่งที่เรารักจริงๆ ก็ไม่ควรโบกธงขาวไปง่ายๆ ใช่ไหมล่ะ? 

เลิกดูถูกตัวเอง

การดูถูกดูแคลนว่าตัวเองอย่างไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีแบบนี้ ไม่มีทางสร้าง แรงบันดาลใจ ให้ตัวเองได้เลย ในขณะที่มองโลกเป็นขั้วลบ จิตใจที่เบิกบานกลับหดหู่ขึ้นมาทันที ส่งผลต่อสุขภาพทางกายอย่าง คิดแต่เรื่องแย่ๆ จนทำให้ปวดหัว เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งที่ทำอยู่คือสิ่งที่รักก็ควรจะเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราทำได้ ซื่อสัตย์ต่อการกระทำของตัวเอง

รู้จักเป็นผู้ให้

เมื่อเราเชื่อมั่นในตัวเอง สร้างคุณค่าให้ตัวเอง อย่ามองข้ามคนอื่น ขณะที่ชีวิตเรายังมีคุณค่าแล้วคนอื่นก็ต้องมีคุณค่าเหมือนกับเรา ซึ่งการให้ไม่ใช้ว่าจะต้องทำให้หรูหราฟู่ฟ่ามากมาย เพียงแต่จิตใต้สำนึกเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเราเอง อย่างการเสียสละ โดยวิธีการที่ง่ายที่สุดคือ “ยิ้ม” รอยยิ้มที่สดใสจะทำให้ใจเบิกบาน ยิ้มให้กับตัวเองในวันแย่ๆ แชร์ความรู้สึกดีๆ ให้กับคนอื่น ถึงใครจะมองว่าเราเป็นบ้าหรืออย่างไร แต่เราก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนี่เนอะ

หัดมองบ้างก็ดี

ความผิดหวังครั้งที่แล้วทำให้ใจสับสนว้าวุ่น หมดกำลังใจในการทำสิ่งต่างๆ มองอย่างที่หนึ่งคือ การมองโลกในแง่ดี ไม่จำเป็นที่จะต้องมองว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ แต่ให้มองถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น นำความทุกข์มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ เอาข้อผิดพลาดมาเป็นแรงผลักดัน ล้มได้ก็ลุกได้ มองที่สองคือมองไปรอบๆ ตัว อย่ามัวหดหู่ก้มหน้าไม่สนใจโลก ยังมีอะไรให้เรามองอีกมากมาย บางทีเห็นอะไรแปลกๆ เราอาจจะมาใช้สร้าง แรงบันดาลใจ ก็ได้นะ

มีไอดอลเป็นของตัวเอง

เรียกว่าค้นหาต้นแบบของการใช้ชีวิต หรือทำสิ่งที่รักสักอย่าง มองความสำเร็จของเขาไว้เป็นแรงผลักดัน ดึงความพยายามมาปรับให้ตัวเอง หรือหยิบความอดทนมาเข้าสู่ตัวเรา ซึ่งต้นแบบที่ว่าอาจจะเป็นใครก็ได้ อาจจะพ่อหรือแม่ที่เราหยิบความอดทนและขยันขันแข็งมาใช้ หรือหยิบดารานักร้องสักคนมาปรับใช้ในสิ่งที่เรารัก เลือกคำพูดดีๆ มาสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง

เริ่มใหม่อีกทีนะ

“เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนไม่ยอมแพ้ การไปถึงฝั่งตรงนู้นคงไม่มีอะไรง่ายๆ เหมือนเสกมนต์ ศัตรูตัวร้ายคืออุปสรรคที่ขวางกั้น อาจจะเป็นขวากหนามที่แหลมคม หรือกำแพงสูงชันอันหนาทึบ ซึ่งถ้าเราแข็งแกร่งพอแล้วลุยไปข้างหน้า อุปสรรคต่างๆ ก็จะสลายเป็นผงให้เราก้าวไปถึงที่ตรงนั้น

สร้าง แรงบันดาลใจ มันไม่ยากหรอก เพราะมันหลบซ่อนอยู่ในตัวของเราเอง เราต่างหากที่จะแข็งแกร่งพอปลุกมันขึ้นมาอีกครั้งหรือเปล่า อย่าให้อำนาจของความย่อท้อควบคุมจิตใจได้ ส่งผลต่อความแปรปรวนของอารมณ์แต่ถ้ามองโลกบวกเข้าไว้ควบคู่กับความมุ่งมั่นเสียอย่างกำแพงหนาเป็นสิบชั้นแค่เราดีดนิ้วก็แตกละเอียดลงตรงหน้าแล้ว!

ขอบคุณข้อมูลจาก rabbitfinance.com