นาทีนี้ทุกคนยอมรับแล้วว่าเทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกธุรกิจอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่เทคโนโลยีมากมาย โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ ยังเข้ามาดิสรัปธุรกิจเข้าอย่างจัง

         อย่างไรก็ตาม แทนที่จะมองเทคโนโลยีที่เข้ามาว่าเป็นวายร้ายขององค์กร เป็นตัวร้ายที่จ้องเลื่อยขาเก้าอี้พนักงานตาดำๆ ทว่าซีอีโอตลอดจนผู้นำที่ดี ต้องคิดต่างแทนที่จะสร้างปราการ หรือ ดึงดั้นต่อกรกับเทคโนโลยี ไม่สู้ดึงเทคโนโลยีมาเป็นพวก และเป็นตัวช่วยผลักดันศักยภาพพนักงานให้พร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้พนักงานมีความคิดสร้างสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ มากขึ้น

         จากนี้คือ 5 วิธีง่ายๆ ที่แม่ทัพขององค์กรอ่านแล้วต้องไม่มองผ่าน กับแนวทางในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานเพื่อส่งเสริมให้พนักงานรู้จักตั้งเป้าหมาย เกิดกระบวนการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด และสามารถรับมือกับสารพัดการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาได้อย่างเหนือชั้น  

         1.จ้างพนักงานที่ไม่กลัวกับการเผชิญหน้าความท้าทายและไม่กลัวที่จะเสี่ยง ถามว่าจะรู้ได้อย่างไร? คำตอบคือ บริษัทต้องสร้างกระบวนการสัมภาษณ์ที่เอื้อต่อการเฟ้นหาคนที่มีแพชชั่นที่จะเติบโตในอาชีพการงาน มีใจที่พร้อมจะเรียนรู้ และ ไม่กลัวหากต้องเรียนรู้ หรือ ตั้งต้นกับสิ่งใหม่ๆ ทั้งนี้อาจใช้วิธีตั้งคำถามเพื่อดูทัศนคติของว่าที่พนักงานใหม่เกี่ยวกับารตั้งเป้าหมายในอาชีพ หรือ การวางแผนการศึกษาในอนาคต

         ตัวอย่างคำถามง่ายๆ ที่จะพาคุณไปหาคำตอบ ได้แก่ ลองให้ยกตัวอย่างเกี่ยวกับการตัดสินใจที่ผ่านมาเพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง, วิธีจัดการกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้น หรือมุมมองต่อการที่ต้องทำงานในหลากหลายแผนกของบริษัท เป็นต้น

         2.สร้างทีมที่ประกอบด้วยพนักงานที่มีความหลากหลาย ความหลากหลายในที่นี้ หมายถึง การศึกษา พื้นฐานทางสังคมและเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ถิ่นที่อยู่ ตลอดจนอายุ ทั้งนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทของคุณ เพราะยิ่งสมาชิกในองค์กรของคุณมีความหลากหลายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างบรรยากาศในการทำงานที่สนุก ท้าท้าย เพราะท่ามกลางประสบการณ์ที่หลากหลาย ยิ่งกระตุ้นการเรียนรู้และการถ่ายทอดประสบการณ์ใหม่ๆ จะช่วยนำพาทีมไปสู่การค้นพบโอกาสใหม่ๆทางธุรกิจที่คาดไม่ถึง


         3.เปิดประตูแห่งโอกาสให้พนักงานในองค์กรได้ต่อยอดการศึกษาขึ้นไปเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือใหญ่ควรเปิดโอกาสให้พนักงานได้ต่อยอดโอกาสทางการศึกษาหรือทักษะต่างๆ นอกเหนือจากศาสตร์ความรู้วิชาการที่หาได้จากมหาวิทยาลัยหรือคอร์สออนไลน์ต่างๆ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ต้องพร้อมส่งเสริมให้พนักงานในองค์กรได้ติดอาวุธ เสริมทักษะเกี่ยวกับนวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อช่วยให้พนักงานมีความมั่นใจ พร้อมที่จะนำเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้รับมือกับความท้าทายในโลกธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างตรงจุด ต่อยอดไอเดียได้ไม่สิ้นสุด

         4.สร้างสนามประลองความสามารถให้พนักงาน ด้วยการส่งเสริมให้พนักงานได้ทำโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่ท้าทาย และพาตัวเองก้าวข้ามออกจากคอมฟอร์ตโซน หรือง่ายกว่านั้น ในการประเมินผลงานทุกสิ้นปี หัวหน้างานอาจตั้งคำถามที่ยากจะหาคำตอบให้พนักงานได้ทดสอบความคิด นอกจากพนักงานจะได้เรียนรู้จากการเฝ้าหาคำตอบเพื่อพาตัวเองไปอีกขั้นแล้ว หัวหน้างานยังได้ทดสอบศักยภาพและไฟในตัวพนักงานด้วยว่ายังแรงดีอยู่หรือเปล่า?


         5.ส่งเสริมให้พนักงานได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ การที่ได้มีโอกาสลองทำสิ่งใหม่ หรือ สั่งสมประสบการณ์ที่หลากหลาย เป็นตัวช่วยชั้นดีในการฝึกทักษะการแก้ปัญหาให้กับพนักงาน หนึ่งในสิ่งที่ผู้นำองค์กรควรทำคือ ส่งเสริมให้พนักงานได้เรียนรู้ทักษะข้ามสายงาน จากการเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงานกับหลากหลายแผนก ลองให้เข้าไปอยู่ในโปรเจกต์ที่อาจไม่ใช่สายงานโดยตรงดูบ้าง เพื่อที่จะได้ลองกระตุ้นสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด ฝึกทักษะการปรับตัว เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผลลัพธ์ที่ได้นอกเหนือจากความภาคภูมิใจแล้ว ยังได้ความมั่นใจที่สามารถแก้ปัญหา ก้าวผ่านความท้าทายมาได้

         ท่ามกลางโลกที่หมุนเร็วจนแค่อยู่นิ่งๆ ก็เท่ากับช้าเกินไป องค์กรมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีไฟในการทำงานไม่พอ แต่ต้องปรับตัวเป็น และ สามารถแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนได้เป็นอย่างดี ถึงจะตอบโจทย์กับโลกธุรกิจยุค 5G