ต่อให้ไม่ใช่สายคนรักรถ แต่ชื่อของแบรนด์ซูเปอร์คาร์สุดหรูอย่าง “ลัมโบร์กีนี” (Lamborghini) ก็เข้าไปจับจองที่นั่งในใจทุกคนเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะด้วยภาพลักษณ์ของแบรนด์หรือตำนานความแรงและทรงพลังของเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ต่างกับกระทิงคึกคะนอง พร้อมโจนทะยานไปข้างหน้าอย่างดุดัน

         อย่างไรก็ตาม เส้นทางความสำเร็จของลัมโบร์กีนีก็ไม่ต่างจากหลายๆ แบรนด์ที่ผ่านเส้นทางล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย เพราะหนทางไม่ได้ราบเรียบ เต็มไปด้วยหลุมบ่อ แถมปลายทางยังเป็นทางตัน แต่อย่างน้อยเส้นทางหฤโหดนี้ก็เต็มไปด้วยสีสัน และรสชาติชีวิตให้ได้เรียนรู้

ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ใจสั่งมา


          ขึ้นชื่อว่า “นักธุรกิจ” ถ้าไม่เริ่มต้นจากใจรัก ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับลัมโบร์กีนีที่เริ่มต้นจากเฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี เด็กชายที่เกิดในครอบครัวชาวไร่องุ่น ถึงมือจะจับจอบ จับเสียม แต่ด้วยความสนใจในเรื่องเครื่องยนต์กลไก ทำให้เขามักหาความรู้ด้านงานช่างอยู่เสมอ จนในที่สุดตัดสินใจติดอาวุธด้านวิชาเครื่องยนต์อย่างจริงจัง ด้วยการเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยด้านเทคนิค ที่โบโลญญ่า


         หลังจากเรียนจบ เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนีได้เข้าทำงานเป็นช่างยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่งในอิตาลี ทว่ายังไม่ทันได้โลดแล่นในยุทธภพอย่างจุใจ สถานการณ์โลกที่ก้าวเข้าสู่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เขาจำต้องปิดประตูแห่งโอกาสเพราะถูกเกณฑ์ไปเป็นเชลยของอังกฤษ แต่โชคก็ยังเข้าข้าง เมื่อเขาได้รับมอบหมายให้ไปประจำการที่แผนกเครื่องยนต์ในกองทัพอังกฤษ ได้ฝึกปรือฝีมือในการซ่อมรถยนต์มากมาย ที่สำคัญยังเป็นการฝึกที่โหดไม่เบา เพราะต้องซ่อมภายใต้ข้อจำกัดของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่มี

         เมื่อสงครามสงบ เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี เดินทางกลับมาที่บ้านเกิดและเริ่มต้นธุรกิจผลิตรถแทร็กเตอร์ เล็กๆ ทว่าด้วยฝีไม้ลายมือที่เข้าตาลูกค้าไม่เบา ทำให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทะยานจากน้องใหม่ในตลาดกลายเป็นบริษัทผลิตรถแทร็กเตอร์รายที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ก่อนจะแตกไลน์มาสู่การผลิตเครื่องปรับอากาศในเวลาต่อมา

อย่าให้อะไรมาหยุดความฝัน

         หลังจากประสบความสำเร็จในการแปรเปลี่ยนแพชชั่นมาเป็นธุรกิจได้สำเร็จ ด้วยความหลงใหลในเครื่องยนต์กลไก เฟอร์รุชโช เลือกใช้เงินเพื่อสนองนีดส์ตัวเอง ด้วยการเป็นเจ้าของซูเปอร์คาร์ในฝันมากมาย ทั้งอัลฟา โรมิโอ ลันชา มาเซราตี เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตลอดจนเจ้าม้าลำพอง อย่าง เฟอร์รารี

         ทว่าหลังจากได้เป็นเจ้าของซูเปอร์คาร์ในฝันสมใจ เฟอร์รุชโช กลับพบว่าซูปเปอร์คาร์ในตำนานอย่างเฟอร์รารี่กลับไม่สามารถตอบโจทย์คนรักรถอย่างเขาได้ ว่ากันว่าเขาไม่พอใจในสมรรถนะของเฟอร์รารี่คันโปรด ถึงขนาดเข้าไปพบ เอ็นโซ เฟอร์รารี่ ผู้ก่อตั้งแบรนด์เฟอร์รารี่ด้วยตนเอง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ “การดูถูกและความไม่ใส่ใจในความต้องการของลูกค้า” จนจุดชนวนให้เฟอร์รุชโซคิดว่าต้องเอาคืนอย่างเจ็บแสบ ด้วยการสร้างรถยนต์ที่ไม่ใช่แค่ดีกว่าเฟอร์รารี่ แต่เขายังต้องการที่จะรับฟังลูกค้าพร้อมกับยินดีช่วยเหลือลูกค้าของเขาหากเกิดปัญหาจากรถที่สร้างขึ้น    

         เขาเริ่มจากการว่าจ้างบุคลากรที่ดีที่สุดที่สามารถหาได้มาสานฝัน พร้อมกันนำประสบการณ์ที่มีจากการพัฒนารถแทร็กเตอร์มาต่อยอด ลงทุนสร้างโรงงานใหม่ และตั้งบริษัท “Lamborghini Automobili” ซึ่งห่างจากโรงงานของเฟอร์รารีเพียง 15 กม. เท่านั้น

เปลี่ยนคำดูถูกเป็นเสียงปรบมือจากคนทั้งโลก

         เมื่อความคุกรุ่นในใจจุดประกาย เขาไม่รอให้โรงงานแห่งใหม่สร้างเสร็จ แต่ใช้มุมหนึ่งของโรงงานแทรกเตอร์เป็นโรงงานผลิตรถต้นแบบในตำนาน เขาใช้เวลาทุกนาทีในการพัฒนารถ พยายามมีส่วนร่วมในทุกๆ ด้าน เมื่อเห็นอะไรที่ไม่เป็นที่พอใจ เขาจะพยายามเข้าไปดำเนินการแก้ไขเองทั้งหมด กระทั่งลัมเบอร์กินี 350 GTV (เวอร์ชั่นต้นแบบ) เสร็จสมบูรณ์ และกลายเป็นตำนานบทใหม่ของวงการซูเปอร์คาร์ที่ปรากฏแก่ชาวโลก  


         ช่วงเวลาแห่งความโชติช่วงนั้น คือช่วงนาทีทองของแบรนด์ รถสปอร์ตแทบทุกรุ่นที่ลัมโบร์กีนีผลิตออกสู่ตลาด ได้รับความนิยมอย่างสูง จนผลิตขายไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ความุ่งมั่น และ แพชชั่นทั้งหมดที่เฟอร์รุชโช ใช้เป็นเชื้อเพลิงนำพาธุรกิจอาจไม่มากพอที่จะทำให้ธุรกิจโชติช่วงได้ตลอดไป เพราะหลังจากเกิดภาวะฟองสบู่ในอิตาลี บริษัทซึ่งยังผลิตรถแทร็คเตอร์อยู่ และมีตัวแทนจำหน่ายอยู่ในแอฟริกาใต้ ถูกยกเลิกการสั่งซื้อทั้งหมด แถมยังถูกรัฐบาลของสาธารณรัฐเจนัวยกเลิกคำสั่งซื้อทั้งหมด ทำให้สถานการณ์บริษัทยิ่งย่ำแย่ จนปัญหาด้านการเงินบีบบังคับให้ผู้ผลิตรถสปอร์ตรายนี้ต้องเปลี่ยนมือหลายครั้ง ปัจจุบันลัมโบร์กีนีอยู่ในการครอบครองของเอาดี้ เอจี ในเครือโฟล์กสวาเกนกรุ๊ป


         อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีอุปสรรคปัญหาต่างๆ แต่ด้วยความแข็งแรงของแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยแพชชั่นที่ค่อยๆ จุดชนวนและต่อยอดให้แบรนด์กระทิงเปลี่ยวยังคงคึกคะนองและทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง