7 วิธีปลุกใจให้ "สู้ต่อ" แม้ถูกปฏิเสธจากการสมัครงาน(นับครั้งไม่ถ้วน)
นอกจากการถูกปฏิเสธด้วยคำพูด จะสร้างบาดแผลในใจ การที่ส่งใบสมัครงานไปแล้วไม่มีสัญญาณตอบกลับ อาจเป็นอีกโมเมนต์ที่เจ็บลึกจนยากจะลืมเลือนสำหรับใครๆ หลายคน
แต่ถ้ามองอีกมุม ชีวิตคนเราก็แค่นี้ ถ้าไม่สมหวังก็ผิดหวัง เพราะฉะนั้น แทนที่จะปล่อยให้การถูกปฏิเสธจากการสมัครงานเป็นบาดแผลเรื้อรังในใจ สู้พลิกมุมคิดใหม่ ด้วย 7 วิธีชุบใจที่จะทำให้คุณฮึดสู้และพร้อมก้าวต่อไป
1.คุณต้องการงานเพียงหนึ่งเดียวจากภูเขางานมากมาย จริงอยู่ วินาทีที่คุณได้รับอีเมลปฏิเสธ เป็นช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด ยิ่งงานนั้นเป็นงานที่คุณคาดหวังมากเท่าไหร่ ความเจ็บก็ยิ่งบาดลึกเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องฝืนความรู้สึก ห้ามไม่ให้ตัวเองเสียใจ แต่แค่สัมผัสความรู้สึกนั้นแล้วไปต่อ ปลอบใจตัวเองเบาๆ ว่า คุณต้องการงานที่ใช่เพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางตำแหน่งงานที่คุณเลือกสมัครไปมากมาย
2.อย่ารักคนที่ไม่รักเรา บางครั้งการสมัครงานก็เหมือนกับการบอกรัก เมื่อใดก็ตามที่คุณเผยความในใจผ่านจดหมายสมัครงานไปแล้ว บริษัทนั้นยังไร้วี่แวว ไม่มีแม้แต่สัญญาณตอบรับหรือปฏิเสธ คุณก็ไม่จำเป็นต้องรออย่างไร้จุดหมาย แค่เดินไปหน้ากระจกว่า ถ้าบริษัทนั้นไม่ต้องการจ้างคุณ คุณก็ไม่ต้องการร่วมงานกับบริษัทนั้นเช่นกัน
3.หาเมนเทอร์ส่วนตัว บางครั้งคนเราก็ต้องการที่ปรึกษา คนที่พร้อมเคียงข้างให้กำลังใจและเสริมความมั่นใจ ก่อนจะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง อาจลองเพิ่มขวัญและกำลังใจด้วยการนัดสังสรรค์กับครอบครัว เพื่อนสนิทที่พร้อมจะบู๊ทพลังเติมความมั่นใจให้ตัวคุณสักนิด ก่อนจะก้าวต่อไป หรือ
4.ขอบคุณความผิดหวัง แม้จดหมายปฏิเสธงานจะทำให้คุณช้ำใจ แต่อย่าลืมที่จะส่งจดหมายขอบคุณที่อย่างน้อยบริษัทก็ได้มอบโอกาสดีๆ ให้คุณได้ไปลองสนามสัมภาษณ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ใครจะรู้ว่าคุณอาจจะไม่ได้เหมาะกับตำแหน่งงานในวันนี้ แต่วันหน้าหากบริษัทมีตำแหน่งที่เปิดรับอีก คุณอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกผู้สมัครที่เข้าตา หรือมีความน่าสนใจพอ จนได้รับการทาบทามให้มาสัมภาษณ์อีกครั้ง หรือ ต่อให้โอกาสนั้นไม่เกิด อย่างน้อยคุณก็ได้แสดงความเป็นมืออาชีพให้บริษัทเห็น
5.อยากรู้ก็ต้องเสี่ยง ไหนๆ ก็โดนปฏิเสธแล้ว แทนที่จะปล่อยให้ความล้มเหลวนี้เป็นเพียงสายลมผ่าน ลองทำใจดีสู้เสือ ถือโอกาสเขียนจดหมายขอบคุณไปเลยว่า พอจะให้คำแนะนำถึงสิ่งที่คุณพลาดไปได้หรือไม่ อย่างน้อยคุณจะได้นำมาปรับปรุง อย่างไรก็ตาม อย่าทุ่มความหวัง 100% ว่าคุณจะได้จดหมายตอบกลับมา เพราะบางครั้งผู้ที่เกี่ยวข้องอาจจะยุ่งเกินกว่าที่จะตอบคำถามผู้สมัครแต่ละคน
6.เจอปฏิเสธรัวๆ อาจถึงเวลาต้องกลับมาทบทวนตัวเอง บางครั้งการปฏิเสธก็เป็นสัญญาณเตือนชั้นดีที่ทำให้รู้ว่า ต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเจอปฏิเสธถี่ๆ อาจต้องย้อนกลับมาทบทวนตัวเอง หรือ สำรวจเรซูเม่ตัวเองดูอีกทีว่า มีทักษะไหนที่ขาดหายไป จะได้หาหนทางไปเติมความรู้ เพื่ออุดช่องว่างนั้น หรือ ถ้าคุณยังเป็นพนักงานประจำอยู่ อาจถือโอกาสนี้ ลองมองหาช่องทางที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ใหม่ๆ เพื่อต่อยอดประสบการณ์หรือความรู้ที่มี
7.อย่ากลัวที่จะฝัน หลังจากทบทวน อัพเลเวล เพิ่มทักษะให้ตัวเองแล้ว อย่ากลัวที่จะออกเดินตามหาความฝันอีกครั้งอย่างมั่นใจ เพราะต่อให้คนที่ประสบความสำเร็จ จนเป็นยอมรับของคนทั้งโลก ก็ล้วนเคยลิ้มรสชาติแห่งความล้มเหลว และ สัมผัสกับการถูกปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วนทั้งนั้น
การถูกปฏิเสธ เปรียบเหมือนเหรียญสองด้าน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งกว่าเดิม หรือ จะเป็นคนขี้แพ้ที่ล้มแล้วไม่ยอมลุก