กลุ่ม พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค โชว์ผลงานไตรมาส 1/2562 ทำกำไร 661 ล้าน
ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2562 กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ทำกำไรสุทธิได้ถึง 661 ล้าน มีรายได้รวม 5,689 ล้าน เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ ทั้งอสังหาฯ โรงแรม และยังมียอดรอรับรู้รายได้อีกรวม 6,100 ล้าน ปลื้มยอดขาย “ยู คิโรโระ” คอนโดประเทศญี่ปุ่น ทำได้เกิน 40% หรือ 1,600 ล้าน เริ่มโอนได้ปลายปีนี้ ไตรมาส 2 เดินหน้าเปิดโครงการใหม่เพิ่มยอดขาย และปรับกลยุทธ์รองรับมาตรการควบคุมสินเชื่อ
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ว่า บริษัททำยอดขายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจมีการเติบโตในทุกธุรกิจ โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 5,689 ล้านบาท เติบโตขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 661 ล้านบาท เติบโตขึ้น 239% รายได้ประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3,905 ล้านบาท จากธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและประเทศญี่ปุ่นรวม 1,263 ล้านบาท จากการขายที่ดิน 477 ล้านบาท และยังมีรายได้จากค่าเช่าและบริการอีก 44 ล้านบาท สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยอดโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปตามคาด โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม และมียอดโอนฯจากโครงการไอคอนโด สุขุมวิท 77 เข้ามาจำนวนมาก ด้านธุรกิจโรงแรมมีรายได้เพิ่มขึ้นจากโรงแรมรอยัลออคิด เชอราตัน ที่มีอัตราเข้าพักสูงถึง 87% และจากการเปิดดำเนินการโรงแรมไฮแอทรีเจนซี่ สุขุมวิทด้วย
“ไตรมาสแรกบริษัทมีผลประกอบการที่ดีมาก ขณะที่ไตรมาส 2 คาดว่าน่าจะใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ โดยกลุ่มบริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวม 6,100 ล้านบาท เป็นยอดขายในประเทศ 4,500 ล้านบาท และมียอดขายจากโครงการ “ยู คิโรโระ” คอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันทำได้แล้วกว่า 40% หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ในปลายปีนี้ และจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ คิโรโระ กลับมามีกำไรในปี 2562 ลูกค้าของโครงการ “ยู คิโรโระ” ครึ่งหนึ่งเป็นชาวเอเชียทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นลูกค้าชาวไทย ซึ่งโครงการได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าไทยเกินความคาดหมาย บริษัทยังมีแผนโรดโชว์ในประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย คาดว่าจะสามารถทำยอดขายปิดโครงการคอนโดมิเนียมได้ภายในปีหน้า”
ในไตรมาสแรก กลุ่มบริษัทมีการเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ เป็นแนวราบ 4 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ ไตรมาส 2 จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท และจะมีการเปิดตัวบ้านนวัตกรรมภายใต้การร่วมทุนกับ บริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น มูลค่า 2,230 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังจะมีการเปิดโครงการใหม่อีก 9 โครงการ เป็นแนวราบ 8 โครงการ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ เป็นไปตามแผนเพื่อช่วยผลักดันยอดขาย ด้านกลยุทธ์ไตรมาส 2 ซึ่งมาตรการควบคุมสินเชื่ออสังหาริม ทรัพย์เริ่มมีผลบังคับใช้ บริษัทได้ปรับสัดส่วนสินค้าจากที่เน้นบ้านพร้อมอยู่ มาเป็นบ้านขายระหว่างสร้าง เพื่อให้มีระยะเวลาผ่อนดาวน์เพิ่มขึ้น และยืดเวลาให้ดาวน์ถึง 6 เดือน เพื่อให้ลูกค้ามีเวลาสะสมเงินดาวน์
ขอบคุณข้อมูลจาก www.pf.co.th