5 วิธีช่วย ธุรกิจรอด จากวิกฤตเศรษฐกิจไม่แน่นอน
ลองอ่านข่าวในต่างประเทศเหล่านี้ ดูนะครับ แล้วแต่ละท่านคิดยังไงกันบ้าง
• บริษัททอมสันรอยเตอร์สื่อยักษ์ ใหญ่ประกาศปลดพนักงาน 3200 ตำแหน่งทั่วโลก
• บริษัท bayer ยักษ์ใหญ่แห่งวงการยาจี นขายแบบฟอร์มพนักงานอีก 12,000 ตำแหน่งทั่วโลก
• ค่าย GMM เตรียมปิดโรงงาน และปลดพนักงานอีก 15,000 ตำแหน่งทั่วโลก
กลับมาที่ประเทศไทยนิดนึงนะครับ มีการคาดการณ์เรื่องของคนว่
รวมไปถึงค่าความเชื่อมั่นของผู้
ยังไม่นับรวมบริษัทที่ผมได้ร่
หลายคนตั้งความหวังไว้ กับการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ว่
ผมตั้งข้อสังเกตว่าปัญหาเศรษฐกิ
คำถาม เราจะเป็นผู้รอดชีวิตในช่ วงระยะเวลานี้ได้อย่างไร ในฐานะนักพฤติกรรมศาสตร์ ผมเลยอยากจะฝากข้อคิดในการปรั บตัวกับการบริหารงานในช่ วงเวลานี้ดังต่อไปนี้
ประเมินศักยภาพภายในองค์กร ทั้งเรื่องของการผลิต และผลผลิตในการทำงานว่าปัจจุบั นผลผลิตที่ได้ สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายภายในบริ ษัทมากน้อยเพียงใด ที่ผ่านมาเราได้ใช้แรงงานคุ้มค่ ากับศักยภาพของเขามากน้อยเพี ยงใด ผมเคยเห็นบางบริษัทว่าจ้างนักศึ กษาปริญญาโทเพื่อมาทำงานเอกสาร ถึงเวลาแล้วที่แต่ละองค์กรต้ องประเมินว่า พนักงานในองค์กรสามารถทำได้ มากกว่านั้นหรือไม่ ลองปรับลักษณะของงาน ให้ตรงกับศักยภาพหรื อความสนใจของเขาอย่างแท้จริง
มองโลกในแง่บวก ผู้บริหารหลายคนเริ่มวิตกกั งวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วตัดสินใจหลายๆอย่างบนพื้ นฐานของความกลัว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้กับเลวร้ ายมากกว่าเดิม ลองเปลี่ยนมุมคิดว่าสถานการณ์ที่ เกิดขึ้นอยู่ในช่วงตกต่ำ สุดท้ายแล้วก็จะกลับมาได้อยู่ดี เพียงแต่สถานการณ์ต่างๆ อาจจะต้องตัดสินใจ อย่างระมัดระวัง มากกว่าการใช้สัญชาตญาณของผู้ บริหารเพียงอย่างเดียว
Customer Centric ปัจจุบันลักษณะพฤติกรรมของผู้ บริโภคเปลี่ยนไปข้างเร็ว การเข้าใจลูกค้าในแบบเดิ มๆอาจจะไม่ใช่คำตอบเพียงอย่ างเดียว แต่สิ่งสำคัญ คือเข้าใจเขาได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งงานของผมซึ่งเกี่ยวข้ องกับงานวิจัยการตลาด ในสมัยก่อนการเก็บข้อมูล 400 ชุดการรายงานผลต้องใช้ เวลาหลายอาทิตย์ปัจจุบัน องค์กรผมยังต้องปรับตัวให้ ลดระยะเวลาในการทำความเข้าใจลู กค้าให้เหลือเพียงไม่กี่วัน และนำเสนอให้ตรงจุด มากกว่าลูกเล่น หรือการนำเสนอที่สวยเพียงอย่ างเดียว
มองหาความร่วมมือจาก partner หรือคู่แข่ง พื้นฐานของผมมักจะเชื่อว่า พนักงานภายในองค์กรจะมีจุดแข็ง รวมไปถึงประสิทธิภาพที่ยั งปลดปล่อยออกมาไม่หมด ผมยกตัวอย่างพนักงานร้านกาแฟแห่ งหนึ่งที่ในความเป็นจริ งสามารถผลิตกาแฟได้มากกว่า 100 แก้วต่อวัน แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ทำให้ยอดสั่ งกาแฟต่อวันลดลง ทำให้พนักงานท่านนั้น ทำกาแฟได้เพียง 30 แก้วต่อวัน ด้วยหลักการเช่นนี้ แสดงว่าเรายังคงมีโอกาสในการผลิ ตกาแฟได้อีก 70 แก้ว ลองนึกถึงว่า partner ที่อาจจะอยู่ร้านใกล้เคียงกัน เช่น ร้านขนมปัง หรือร้านอาหารประเภท bistro ที่ยังไม่ได้มีการขายกาแฟ หรือมีการขายกาแฟที่อาจจะมีชื่ อเสียงสู้เราไม่ได้ ลองเสนอการผลิตกาแฟคู่กัน ซึ่งจะไม่เป็นเพียงการเพิ่ มยอดขายแต่ยังจะเป็นการเพิ่ม Channel ของกาแฟเราอีกด้วย
ประเมินสถานการณ์ตลาดอย่างต่ อเนื่อง ความเคลื่อนไหว ของคู่แข่งลูกค้ารวมไปถึง Partner ต่างส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาที่ผ่านมาผู้บริหารหลายท่ านมักจะได้ข้อมูลที่ล่าช้า รวมไปถึงการได้รับข้อมูลที่ไม่ ตรงกับสภาพความเป็นจริง ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด หรือล่าช้าเกินไป การปรับปรุงในส่ วนของการนำเสนอข้อมูลผ่านดิจิ ตอลที่รวดเร็วและฉับไว หรือพัฒนาทีมงานในการตรวจสอบคุ ณภาพทั้งสายการผลิตหรื อการตลาดจะเพิ่มประสิทธิ ภาพในการตัดสินใจให้กับท่านได้ ดีขึ้น
ลองทำ scenario ที่เลวร้ายที่สุด แนวทางสุดท้ายที่ผมอยากจะนำเสนอ ถ้าผู้บริหารลองประเมินถึ งความเร็วร้ายที่อาจจะเกิดขึ้ นได้มากที่สุด ในเชิงของยอดขาย ลองตัดสินใจดูว่า ในสถานการณ์นั้น ท่านจะดำเนินการธุรกิจในลั กษณะใด การปลดพนักงาน จะเป็นทางออกที่แท้จริงหรือไม่ หรือเราสามารถหาทางออก หนึ่งในสิบสี่ล้านทางที่จะทำให้ เรารอดในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ได้ ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก ดร.วสุพล ตรีโสภากุล นักพฤติกรรมศาสตร์ และนักวิจัยการตลาดอาวุโส
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.