10 เทคนิคเติมพลังการทำงานให้กลับมาเต็ม 100
ทำงานกันมาแล้วกว่าครึ่งปี เชื่อว่าหลายคนอาจจะเกิดอาการเพลียร่างกาย หรือกำลังรู้สึกท้อแท้ใจ ในทำสิ่งใดแล้วไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคาดหวังอยู่หรือเปล่า? นี่อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าคุณนั้นกำลังหมดไฟในการทำงานของปีนี้
วันนี้ TerraBKK จึงได้รวบรวมเทคนิคการทำงานที่ดี ซึ่งจะเป็นตัวช่วยเล็กๆน้อยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เติมไฟให้การทำงานช่วงกลางปีไม่น่าเบื่อและเพิ่มพลังเตรียมพร้อมทำงานยาวไปจนถึงปลายปีกันเลยค่ะ
- เขียนรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน
เทคนิคง่ายๆเทคนิคแรกคือ การเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน (to-do list) เพื่อเป็นการเริ่มต้นวันอย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นจัดลำดับสิ่งที่ต้องทำ ก่อน-หลัง แล้วคุณจะต้องแปลกใจกับผลลัพธ์ที่ตามมาว่าเทคนิคนี้ช่วยการทำงานของคุณได้มากจริงๆ
- จัดลำดับขีดจำกัดการทำงานของคุณ
การสร้างรายการที่ต้องทำในแต่ละวัน (To-do list) นั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องระมัดระวังเวลาที่ใช้ไปกับการทำงานแต่ละชิ้นด้วยเช่นกัน กำหนดเวลาให้แต่ละชิ้นงาน และถ้าหากคุณไม่สามารถทำงานให้เสร็จตามเวลาที่กำหนดได้ ให้เปลี่ยนไปทำงานอีกอย่างและกลับมาทำงานเดิมในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมาหรือวันถัดไป อย่างไรก็ตามคุณต้องพึงนึกถึงความรับผิดชอบหรือกำหนดวันส่งงานไว้เสมอ เพื่อให้การบริหารเวลามีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นตามความคาดหมาย
- อย่ากลัวที่จะนั่งหยุดพัก
ในขณะที่หลายคนมักเชื่อว่า "การหยุดพัก" เป็นสิ่งที่ทำให้เสียเวลาการทำงานมาก แต่เมื่อพูดถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การหยุดพักถือได้ว่าเป็นวิธีการที่ดีอย่างหนึ่ง โดยนักวิจัยได้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่าการหยุดพักเป็นระยะสั้นๆ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี รวมถึงได้ทบทวนปรับปรุงงานให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ
- มนุษย์สังคมสามารถสร้างสิ่งต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จได้
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นการนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างห่างไกลจากผู้คน และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหลักที่คนรุ่นใหม่มักพยายามหาทางหลุดพ้นจากสถานการณ์อันน่าเบื่อนี้ โดยปฏิสัมพันธ์หรือพูดคุยกับผู้อื่นเป็นบางครั้ง เพื่อเปิดโอกาสในการคิดค้นและมีความสุขไปกับการทำงาน
ซึ่งโคเวิร์กกิ้งสเปซ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ทำงานร่วมกันที่พร้อมให้คุณได้เปิดโอกาสพบปะผู้คนใหม่ๆ เพียงแค่คุณก้าวขาออกจากออฟฟิศของคุณแล้วไปนั่งทำงานร่วมกับผู้อื่น และคุณจะพบกับความประหลาดใจที่ว่าการนั่งทำงานร่วมกับผู้อื่นหลายๆ คนนั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างน่าเหลือเชื่อ!
- ลดระยะการเดินทางเพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีค่า
ถามตัวเองว่า คุณเหนื่อยกับช่วงเวลาการเดินทางก่อนที่จะเริ่มทำงานหรือไม่? แน่นอนว่าคนกว่าครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ นั้นกำลังเผชิญกับปัญหานี้ หลายคนเลือกลดและเลี่ยงสิ่งที่จะก่อให้เกิดความเครียดด้านการเดินทางด้วยการทำงานใกล้ที่พัก หรือเลือกที่พักใกล้ที่ทำงาน และมีอีกหนึ่งทางเลือกที่จะเป็นโซลูชั่น ก็คือ ปัจจุบัน บริษัทหลายแห่งเริ่มก่อตั้งสำนักงานในพื้นที่โคเวิร์คกิ้ง สเปซ ไปทั่วกรุงเทพ ทำให้คนทำงานสามารถเลือกใช้พื้นที่ได้ร่วมกัน มีความยืดหยุ่น
- ลดความยุ่งเหยิงบนโต๊ะทำงานของคุณ
มีหลายสิ่งที่ต้องพูดเกี่ยวกับการจัดระเบียบและการลดจำนวน “สิ่งของ” ซึ่งสามารถช่วยลดความวิตกกังวลและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณได้ โดยการทำความสะอาดพื้นที่ทำงานสามารถช่วยให้คุณโฟกัสกับสิ่งที่คุณกำลังทำและลดความเครียดที่เกิดจากการรบกวนรอบโต๊ะของคุณ
- กำจัดสิ่งที่ทำลายสมาธิออกไป
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้คุณทำงานเสร็จภายในเวลาที่กำหนดคือโฟกัสในสิ่งที่คุณกำลังทำ สิ่งนี้สามารถทำได้โดยการปิดการรบกวนสมาธิของคุณทั้งหมด เช่น การแจ้งเตือนทางโทรศัพท์และข้อความเตือนต่างๆ ลองทำอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวัน ก็จะเห็นว่าเป้าหมายการทำงานนั้นเสร็จสิ้นได้อย่างง่ายดาย
- ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของสถานที่ทำงาน
การทำงานอยู่แต่กับสถานที่เดิมๆ ในทุกๆวัน อาจทำให้คุณนั้นหมดกำลังใจในการทำงานก็เป็นได้ และนี่ก็ปัจจัยหลักที่ผู้ใหญ่หลายๆคนหรือคนยุคมิลเลนเนียล (Millennials) เลือกที่จะทำงานในสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น ทำงานในร้านกาแฟหรือห้องสมุด
- สิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ที่เหมาะสมครบวงจร
สภาพแวดล้อมที่ดีมีความหลากหลายในการทำงานนั้นเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ในบางครั้งเราทุกคนก็ต้องการความมั่นคงของชีวิตการทำงานในระยะยาวด้วยเช่นกัน ฉะนั้นจงห้อมล้อมตัวเองให้อยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ที่เหมาะสมและครบวงจร เพราะจะช่วยให้คุณแสดงประสิทธิภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- คิดถึงสิ่งสวยงามที่ยังคงอยู่รายรอบตัวและมีความสุขไปกับมัน
เมื่อคุณรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดไฟในการทำงาน คุณควรหยุดพักนั่งสมาธิสัก 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นพลังสมองและผ่อนคลายจิตใจ โดยการนึกถึงครอบครัว เพื่อนฝูง สัตว์เลี้ยงแสนรัก หรือแม้กระทั้งทริปวันหยุดถัดไปของคุณที่กำลังจะมาถึง
ถ้าคุณเป็นคนที่มีความมุ่นมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในชีวิต มันเป็นเรื่องที่ดีที่คุณสามารถสะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ว่าในอนาคตอีก 5-10 ปีข้างหน้าคุณจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นการตั้งเป้าหมายชีวิตในระยะยาวจะช่วยคุณโฟกัสไปกับงาน รวมไปถึงสร้างความเชื่อมั่นในตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นเมื่อได้รับความสำเร็จกลับมา และจงคิดไว้เสมอว่า การทำงานอย่างหนักหน่วงไม่ได้แปลว่าจะประสบความสำเร็จ และการทำงานที่ไร้จุดหมายเองก็ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนที่คุณจะได้กลับมาเช่นเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการบริหารชีวิต จัดสรรเวลาให้สมดุล แล้วคุณจะมีความสุขไปกับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : IWG บริษัทผู้ดูแลและบริหารแบรนด์พื้นที่สำนักงาน