จะกู้ซื้อบ้าน ต้องแบ่งรายได้อย่างไรให้ผ่อนบ้านได้สบายตัว
เพราะบ้าน เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่นับวันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น การซื้อบ้านจึงมีทั้งซื้อเพื่อลงทุนและซื้อเพื่ออยู่อาศัย โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้เริ่มทำงาน มีรายได้ประจำ ต่างเริ่มมองหาบ้านหลังแรกที่จะเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่กันถ้วนหน้า แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือมองหาแหล่งเงินกู้เพื่อเติมฝันให้เป็นจริงนั้น อีกหนึ่งสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นปราการด่านแรกคือ รายได้ ของตนเองที่เป็นปัจจัยสำคัญในการยื่นกู้กับธนาคารแต่ละแห่ง ไปจนถึงการผ่อนชำระที่ยาวนานนับสิบปีด้วย
ฉะนั้น การแบ่งรายได้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก และสถาบันการเงินทุกที่ให้เป็นหลักฐานประกอบการกู้ร่วมกับเอกสารอื่นๆด้วย หากต้องการกู้ซื้อบ้านให้ผ่าน ผ่อนบ้านให้รอด ต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง ลองไปฟังคำแนะนำดีๆกัน
1. รู้จักจัดสรรรายได้
นอกจากจะมีรายได้ประจำ หรือมีรายได้สม่ำเสมอแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องใช้เป็นหลักฐานยืนยันรายได้ประกอบกัน เริ่มจากต้องมีเงินเดือนประจำอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร) หากมีอาชีพอิสระไม่ได้ทำงานประจำ ควรนำเงินเข้าบัญชีธนาคารต่อเนื่อง ทุกเดือน อย่างน้อย 6-12 เดือนก่อนยื่นกู้ และทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นเอกสารด้านรายได้
ทั้งนี้ทางธนาคารจะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วยได้แก่ ภาระหนี้ เครดิตเงินกู้ และรายได้อื่นๆ นอกเหนือจากรายได้ประจำ ฉะนั้นหากต้องการกู้ซื้อบ้านให้ผ่าน การจัดการบัญชีเงินฝากและจัดการรายได้ของตนเองจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรก
2. ค่าใช้จ่ายระหว่างยื่นกู้
การกู้ซื้อบ้าน เจ้าของบ้านต้องมีเงินดาวน์อย่างน้อย 10-20% ราคาบ้านที่ต้องการซื้อ เช่นราคาบ้าน 2,000,000 บาท ควรมีเงินดาวน์ 200,000-400,000 บาท แม้ว่าในธนาคารจะมีโปรโมชันกู้ได้เกือบ 100% ก็ตาม แต่วงเงินกู้ที่มากขึ้นจะถูกนำไปคิดอัตราดอกเบี้ยด้วยทำให้ราคาผ่อนชำระต่อเดือนสูงขึ้น ทั้งนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกคือ
- ค่าใช้จ่ายกับธนาคาร เช่น ราคาประเมินหลักทรัพย์ ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย(ขึ้นอยู่กับราคาบ้าน)
- ค่าใช้จ่ายกับกรมที่ดิน เช่น ค่าธรรมเนียมจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน
3. ผ่อนบ้านให้รอด
สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อกังวลใจในระยะยาวสำหรับผู้กู้ซื้อบ้านคือการผ่อนชำระรายเดือน ที่กินระยะเวลายาวนานสูงสุดถึง 30 ปี ตัวช่วยให้ผ่อนชำระได้อย่างสบายกระเป๋ามีหลายวิธีด้วยกันคือ
ก่อนยื่นกู้: ซ้อมผ่อนชำระบ้าน ก่อนซื้อบ้านจริง โดยแบ่งครึ่งหนึ่งของรายได้ในแต่ละเดือน สำหรับเป็นค่าผ่อนบ้านที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต หักลบค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วเพียงพอกับการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ อย่าให้การกู้ซื้อบ้านเป็นการเพิ่มภาระทางการเงินมากเกินไป
ช่วงผ่อนชำระ: ในกรณีที่ยื่นกู้ซื้อบ้านสำเร็จแล้ว ช่วง 2-3 ปีแรกธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอัตราพิเศษตามแต่โปรโมชั่นในช่วงนั้น แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 4 จะคิดดอกเบี้ยอัตราปกติตามเงื่อนไขของแต่ละที่ การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดภาระเรื่องของดอกเบี้ยบ้าน ไม่ต้องแบกรับภาระผ่อนบ้านที่จะเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในช่วงปีที่หมดโปรโมชั่น และอีกวิธีคือการ โปะหนี้ หรือการจ่ายชำระมากกว่ายอดผ่อนที่กำหนดในแต่ละเดือน จะทำให้เงินต้นลดลง ช่วยร่นระยะเวลาการผ่อนบ้านให้สั้นลงด้วย
4. เลือกแคมเปญของธนาคารที่ช่วยแบ่งเบาภาระการเงิน
หรือจะเรียกว่า พิจารณาเลือกแคมเปญเงินกู้ที่เหมาะสมกับตนเอง จะช่วยให้การผ่อนชำระบ้านเป็นอย่างคล่องตัว เช่นได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ส่วนลดจากร้านค้าหรือบริการเสริมต่างๆ ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายอื่นๆที่มากับการซื้อบ้าน อย่างเช่นเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
สินเชื่อบ้านซูเปอร์คุ้มของธนาคารกสิกรไทย
ตอบโจทย์ความคุ้มได้ถึงสามต่อ ไม่เพียงแค่ได้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ 0% นาน 3 เดือน แต่ยังมีสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ตอบโจทย์ เพราะในการมีบ้าน 1 หลัง ไม่ได้จบแค่ค่าผ่อนบ้านรายเดือนเท่านั้น ยังมีเรื่องของการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านต่างๆ ค่าบริการขนย้ายของเข้าบ้าน ทำความสะอาดบ้านต่างๆ โปรโมชั่นสินเชื่อบ้านซูเปอร์คุ้มนี้จึง สามารถตอบโจทย์ได้อย่าง คุ้ม ครบ จบความต้องการของคนที่อยากจะมีบ้าน ด้วยสิทธิพิเศษคือ
คุ้มที่ 1 อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 3 เดือน
ทำให้ผู้กู้มีระยะเวลาในการเก็บเงิน หมุนเงินเพิ่มขึ้นในช่วงแรกของการผ่อนบ้าน
แพคเกจ 1: สำหรับพนักงานบริษัท
แพคเกจ 2: สำหรับผู้ประกอบการ
ผู้ประกอบการ
อัตราดอกเบี้ย MRR = 7.12% (ประกาศ ณ วันที่ 16 พ.ค. 2560)
หมายเหตุ:
- อัตราดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะการเงินของธนาคารโดยธนาคารจะประกาศเป็นคราวๆ ไปและจะปิดประกาศไว้ ณ สำนักงานสาขาของธนาคาร และในเว็บไซต์ของธนาคาร
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Interest Rate) คำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท อายุสัญญา 20 ปี
คุ้มที่ 2: ทุกๆ วงเงินกู้ 1 ล้านบาท จะได้รับคะแนน KBank Reward Point 10,000 คะแนน สูงสุด 100,000 คะแนน
สำหรับคนที่จะกู้บ้านกับกสิกรไทย แล้วมีบัตรเครดิตกสิกรไทย โปรนี้จะคุ้มมาก ยกตัวอย่างเช่น กู้ซื้อบ้านราคา 5 ล้าน จะได้คะแนนในบัตรเครดิตไปฟรีๆ 50,000 คะแนนนำไปใช้จ่ายแทนเงินสดหรือแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า หรือจะนำคะแนนที่ได้ไปเลือกซื้อของเด็ดๆ ในแอปพลิเคชั่น K PLUS Market ได้อีกด้วย ดังนั้นถ้าคิดจะกู้บ้านกับกสิกรไทยแล้วยังไม่มีบัตรเครดิตก็สมัครเลย หรือมีบัตรเครดิตกสิกรไทยอยู่แล้ว ก็สามารถยื่นกู้ได้เลย
คุ้มที่ 3: รับส่วนลดพิเศษในการซื้อเฟอร์นิเจอร์จาก Index Living Mall สูงสุด 20,000 บาท เครื่องใช้ไฟฟ้า Power Oneและใช้บริการ Index Home Service ราคาพิเศษสำหรับบริการเพื่อคนรักบ้าน
ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับการย้ายบ้านและเติมแต่งบ้านให้สวยงามในแบบที่ต้องการ
ขอบคุณข้อมูลจาก www.baanlaesuan.com