โอกาสของนักธุรกิจไทยกับการลงทุนในประเทศอินเดีย
หนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เป็นประเทศที่น่าจับตามองในการเข้าไปทำการลงทุนอย่างยิ่งในขณะนี้ คงจะหนีไม่พ้น ประเทศอินเดีย เห็นได้จากที่ GDP ของอินเดียมีอัตราที่เติบโตขึ้นสูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อินเดียยังเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลกเป็นรองแค่ประเทศจีนและประชากรของประเทศอินเดีย มีค่าเฉลี่ยอายุค่อนข้างน้อยอยู่ที่ 27 ปี ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางที่มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากการมีระดับการศึกษาที่สูงขึ้น ทำให้แรงงานที่มีเป็นแรงงานคุณภาพ จากโครงสร้างของประชากรดังกล่าว อินเดียเป็นประเทศที่มีกลุ่มประชากรในวัยทำงานจำนวนมากและมีความต้องการซื้อสูงทำให้การบริโภคภายในประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยโอกาสของนักลงทุน โอกาสของธุรกิจต่างๆทั่วโลก
Projected growth profiles for larger economies
ทาง Terrabkk จึงได้เห็นถึงความสำคัญของตลาดอินเดียจึงได้นำเอาบทวิเคราะห์ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ได้มีการกล่าวถึง " โอกาสของนักธุรกิจไทยในการลงทุนในประเทศอินเดีย " มาให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจกัน โดยโอกาสของนักธุรกิจไทยในประเทศอินเดียมีดังนี้
1. สินค้าเกษตร : เนื่องจากสินค้าเกษตรถือเป็นสินค้าขั้นพื้นฐานสาหรับผู้บริโภค ดังนั้นจากศักยภาพของไทยสามารถเข้าไปลงทุนดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรในอินเดีย หากเกษตรกรไทยสามารถพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐานและคุณภาพตรงตามความต้องการ ตัวอย่างสินค้าเกษตรที่ทำการส่งออกไปยังอินเดีย มังคุด-เงาะ-ลำไย-ฝรั่ง-มะขามหวาน-มะพร้าวอ่อน
2. การท่องเที่ยว : ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุนให้บริการในธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากอินเดียยังขาดประสบการณ์และความเชื่อมั่นในภาคบริการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ อินเดียเคยเสนอให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมของไทย เข้าไปพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวของอินเดียอยู่หลายครั้ง เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทย สำหรับกลุ่มคนอินเดียที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ในอนาคตหากมีการประชาสัมพันธ์ที่ดีจะสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางมาประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวอินเดียถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่จะเข้ามากระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในไทยได้เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจีน พร้อมกันนี้ควรพัฒนาธุรกิจ การท่องเที่ยวและบริการในประเทศ ให้ตอบสนองพฤติกรรมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของอินเดียจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากอินเดียได้อย่างมหาศาลไม่ต่างจากจีน
จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเรื่องผลสรุปนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ปี 2561 ประเทศอินเดียเป็น 1 ใน 10 ประเทศ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในปประเทศไทยมากที่สุด และประเทศอินเดียมีอัตราเติบโตของนักท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นเป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศมาเลเซียที่เป็นอันดับที่ 1
3. การพัฒนาภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย : อินเดียกำหนดยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีจุดเริ่มต้นของเส้นทางเชื่อมโยง ที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างอินเดีย – เมียนมา – ไทย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงทางบกที่สำคัญระหว่างตลาดใหญ่ของอินเดียกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นโอกาสที่ดี ในการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในระยะยาว และหากในอนาคตโครงสร้างพื้นฐานภายในภูมิภาคดังกล่าวได้รับ การพัฒนาเป็นผลสำเร็จ จะกลายเป็นตลาดการค้าชายแดนและพื้นที่ในการประกอบธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ
source : http://www.taksez.com/th/news/N0000438.html
4. ประเทศที่เหมาะสมต่อการลงทุน : การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ New India มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และส่งเสริมความเจริญทางเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาอินเดียให้กลายเป็นประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่และมีกำลังบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเตรียมความพร้อม ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับการทาธุรกิจ สร้างแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพและราคาถูก มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีในราคาประหยัด และมีกฎหมายที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ประกอบกับการเลือกตั้ง ครั้งล่าสุดของอินเดีย เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 62 ผลปรากฏว่า นายนเรนทรา โมดี ได้ดำรงตาแห่นงนายกรัฐมนตรีต่อเป็นสมัยที่ 2 จึงมีความเป็นไปได้ว่ายุทธศาสตร์ New India ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ภายใต้รัฐบาลชุดเดิมจะได้รับการสานต่อ
source : https://news.mthai.com/webmaster-talk/732567.html
5. ไทย อินเดีย และ APEC : Strategy for NewIndia@75 มีเป้าหมายในการบรรลุนโยบายภายในปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC 2022 Thailand หากไทยและอินเดียสามารถร่วมกันทำข้อตกลงของอินเดียที่จะเข้าเป็นสมาชิกเอเปคในปีดังกล่าวได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี การเข้าไปลงทุนในตลาดอินเดียพบว่ายังมีประเด็นท้าทายและอุปสรรคในการทาธุรกิจบางประการ อาทิ ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน แม้จะได้รับการพัฒนาโดยหน่วยงานภาครัฐอย่างจริงจัง แต่ยังไม่พร้อมรองรับการลงทุนจากต่างชาติอย่างทั่วถึงเท่าที่ควร ทาให้ต้นทุนในการผลิตและกระจายสินค้าสูง รวมถึงประเด็นกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ที่ยังขาดการบังคับใช้อย่างจริงจัง
จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าการค้าและการลงทุนทั่วโลกมีความพลิกผัน อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรกระจายความเสี่ยง โดยหาตลาดใหม่เพื่อส่งออกสินค้าทดแทนตลาดเดิม พร้อมทั้งวางแนวทางในการเข้าไปลงทุนในประเทศทางเลือกอื่นๆ และจากนโยบายของประเทศอินเดียที่ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวก แก่ต่างชาติในการเข้ามาประกอบธุรกิจ แสดงให้เห็นถึงโอกาสการเข้าไปลงทุนในธุรกิจประเภทต่างๆ เนื่องจากตลาดอินเดียมีความต้องการในการบริโภคสินค้าภายใต้กำลังซื้อที่หลากหลาย อีกทั้งคนอินเดียมองว่าสินค้าที่ผลิตจากประเทศไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ จึงมีโอกาสค่อนข้างมากที่จะประสบความสำเร็จในการเข้าไปลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศอินเดีย อย่างไรก็ดีก่อนเข้าไปลงทุนผู้ประกอบการไทยควรทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมการบริโภคของชาวอินเดีย ศึกษากฎระเบียบต่างๆ รวมทั้งสำรวจระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับประเภทการลงทุน นอกจากนี้ ควรอาศัยบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในทุกแง่มุมของอินเดีย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนกับอินเดียให้มีความก้าวหน้าในระยะยาว