รักษา สุขภาพจิต ยังไง เมื่อสภาพแวดล้อมเฮงซวย
เคยได้ยินกันรึเปล่า เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจสิยิ่งกว่า แน่นอนว่าสภาพจิตใจย่อมมีผลกระทบต่อร่างกายไม่น้อยเลย ในเมื่อ สุขภาพจิต ที่ดี ก็ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมดีๆ แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ มันตรงกันข้ามกันเลยแล้วแบบนี้จะหาทางแก้ยังไงดีล่ะ
มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กับเราดีกว่า ว่าเราจะแก้ปัญหานี่ได้ยังไงบ้าง รีเฟรชสภาพจิตใจให้พร้อม เตรียมรับปีใหม่กันเถอะ
ถ้าพูดถึงเรื่องสุขภาพจิตแล้วล่ะก็ นับว่าเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมากจริงๆ บางอย่างที่หลายคนคิดว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหา อาจกลายเป็นสภาพแวดล้อมเจ้าปัญหาสำหรับคุณก็ได้นะ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไร และจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง
สาวกท่อดัง แว้นๆ ทำพิษ
นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ แถมหนักอกหนักใจของหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ สำหรับปัญหาจากสายท่อดัง ยิ่งใครที่มีบ้าน มีหอพัก หรือมีคอนโดที่ใกล้ถนน อาจจะได้ยินเสียงบิดรถจักรยานยนต์กลางค่ำคืนกันบ่อยๆ แหม ถ้านานๆ ทีคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก
แต่บางครั้งเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถนนบางเส้น วิญญาณนักบิดนี่เข้าสิง บิดกันจนเสียงท่อดังระงม แถมมาบ่อยๆ แบบนี้ ไม่ใช่แค่สุขภาพหู หรือเป็นมลภาวะทางเสียง แต่มันอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตในระยะยาวได้!
ลองนึกภาพดูสินั่งๆ นอนๆ หรือกำลังหลับอยู่ดีๆ หลายครั้งหลายคราที่ต้องโดนปลุกด้วยเสียงระเบิดท่อ เป็นใครก็คงไม่แฮปปี้ บางทีเฟสไทม์กับคนรู้จัก จีบกันหวานหยดย้อย จู่ๆ ก็มีเสียงแว้นๆ ดังแทรกเข้ามา โอ๊ย บอกเลย อารมณ์เสีย!
แล้วแบบนี้ ทำยังไงดีล่ะ?
- ปิดหน้าตาประตูให้สนิท เรียกว่าเป็นวิธีการที่สันติสุขสุดๆ แล้ว เราแนะนำให้คุณปิดหน้าต่าง ปิดประตูที่ระเบียงให้สนิท วิธีนี้ดูร้อนไปหน่อย และอาจจะช่วยลดเสียงได้ไม่ 100% แต่เชื่อเถอะว่าช่วยลดแรงกระแทกของเสียงดังๆ ได้ระดับนึงเลยล่ะ
- แจ้งตำรวจบ้าง ถ้าเสียงที่ว่าดังจนเกินงาม แถมยังเห็นหน้าค่าตาพ่อเทพบุตรท่อดังบ่อยๆ คุณอาจต้องให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข้ามาช่วยเหลือบ้างแล้วล่ะ อย่างน้อยๆ ก็จะได้ตักเตือนให้ระมัดระวังกันไปบ้าง
- ย้ายหอ ย้ายที่อยู่ สำหรับใครที่อยู่หอพัก วิธีการนี้อาจจะเด็ดขาด หักดิบ แต่ได้ผลแบบชัวร์ๆ รับรองได้เลยว่าหมดปัญหาเสียงกวนใจแน่นอน
เพื่อนบ้าน เพื่อนข้างห้องตัวดี
ไม่มีอะไรโชคดีไปมากกว่าการได้เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนข้างห้องแสนดีอีกแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเจอปัญหาแบบนี้ไม่มากก็น้อย ทั้งมนุษย์คอนโด มนุษย์หอพัก หรือมนุษย์มีบ้าน ก็ต้องเคยเจอ!
ปัญหาเบาะๆ อย่าง จอดรถขวางทางประปราย ทำเสียงดังบ้าง อาจยังไม่เท่าไหร่ แต่บางคนเจอบ่อยๆ มากๆ เข้า หรือหนักหนา ล้ำเส้นมากกว่าที่คิด เช่น เพื่อนบ้านตัวดีดันเอาขยะมาทิ้งบ้านคุณ ชอบเอารถมาจอดขวางทางจนต้องไปตามอยู่บ่อยๆ หรืออาจจะชอบคาราโอเกะกันทุกเทศกาล ทุกๆ วันคือปาร์ตี้ ลองเป็นแบบนี้บ่อยๆ น่าจะปวดหัวแย่
แบบนี้จะเอายังไงดีละ?
- ยุบหนอ พองหนอ ทำใจให้สบายเข้าไว้ ก่อนจะโวยวาย เอาเรื่องเพื่อนบ้าน เพื่อนข้างห้อง ลองพิจารณาให้แน่ชัดว่า เขาก่อปัญหาจนคุณเดือดร้อนจริงๆ หรือเป็นเพราะคุณที่จังหวะใจร้อน หัวร้อนไปก่อนเอง ถ้านานๆ ครั้งเป็นที ไม่บ่อยมาก ลองลมหายใจเข้าออก ใจเขาใจเราก่อนน่าจะดีนะ!
- แจ้งนิติบุคคลให้ช่วยเหลือ การปะทะกันบอกเลยว่าไม่เป็นผลดีแน่ๆ วันดีคืนดีกระทบกระทั่ง ประชดประชันใส่กัน จะพาลมองหน้าไม่ติดกันเปล่าๆ แบบนี้แจ้งคนกลางอย่างนิติบุคคล ทั้งทางหอ หรือทางหมู่บ้าน ให้เขามาดูแล ช่วยไกล่เกลี่ย น่าจะดีที่สุดนะ
- เตือนก็แล้ว ไม่หยุด งี้ต้องใบเตือน เรียกได้ว่าเป็นวิธีการเตือนสุดคลาสสิกเลยล่ะ ในเมื่อขอคนกลางมาพูดแล้วไม่ยอมหยุด บ่นจนปากเปียกปากแฉะแล้ว ลองติดป้าย ติดโพสต์อิทเตือนจริงๆ จังๆ ที่รั้ว หรือหน้าประตูไปตรงๆ เลย อาจจะได้ผลขึ้นมาก็ได้!
ที่สำคัญคือ คุณไม่ควรทำประชดประชันด้วยการทำสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำแย่ๆ ไว้ คืนกลับไป มันอาจดูสะใจ และอาจได้ผลนะ แต่อย่าลืมคิดถึงด้วยว่าสิ่งที่คุณทำ กระทบกับคนรอบข้างรึเปล่า ไม่อย่างงั้นก็จะเกิดเรื่องต่อไปแบบไม่จบไม่สิ้นกันสักที
บอสที่น่ารัก และเพื่อนร่วมงานกะพรุนพิษ
คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ไม่ได้ใช้แค่กับเรื่องที่พักอาศัยเท่านั้น แต่รวมไปถึงเรื่องที่ทำงานด้วย!
ร้อยทั้งร้อยเหล่ามนุษย์เงินเดือนน่าจะเจอกับปัญหาเหล่านี้กันบ้าง ตามแต่แต้มบุญจะพาไป ลำพังแค่ลูกค้าที่รักอาจยังพอทน แต่กับบอส หรือเพื่อนร่วมงานที่ต้องเจอหน้ากันบ่อยๆ แล้วล่ะก็ ปล่อยไว้นานๆ คงได้มีแตกหักกันสักวันแหงๆ
เอ้า แบบนี้เอาไงดีล่ะ?
- หลีกเลี่ยงการปะทะ พบปะ อยู่ใครอยู่มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็แนะนำให้คุยกันแค่เรื่องงาน พยายามอย่าเก็บเป็นอารมณ์ หากรู้ว่าอีกฝ่ายจะเกรี้ยวกราด เรื่อยเปื่อย พูดจาไม่รู้เรื่อง เรารู้ว่ายาก แต่ถ้าปล่อยเบลอได้ ก็ควรทำ เพื่อสุขภาพจิตของตัวคุณเอง
- อย่างงี้ต้องลาออก อย่างงี้ต้องลาออก ถ้าคุยกันไม่ลงตัว ยุบหนอพองหนอก็แล้ว ยังไงก็ไม่ไหวจริงๆ อยู่ไปก็ทรมานเปล่าๆ แบบนี้ เราขอแนะนำให้ลาออก แต่ทั้งนี้คุณต้องประเมินให้ดีก่อนนะว่ามีที่ไปแน่ๆ และไม่ใช่การไปแบบหนีเสือ ปะจระเข้ แน่นอนว่าบางทีเราก็ไม่รู้หรอก ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ถ้าอยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น การพาชีวิตไปหวังน้ำบ่อหน้าอาจเป็นทางออกที่ดีก็ได้นะ
ช่วงนี้มันเฮงซวยไปหมด เอาไงดี
ถ้ารู้สึกว่าช่วงนี้ อะไรๆ ก็ถาโถมไปหมด อย่างงี้จะประคองสุขภาพจิตยังไงให้รอดไปได้กัน มาดูข้อแนะนำจากเรากันหน่อยดีกว่า
-
พาตัวเองไปชาร์จแบตบ้าง
ถ้าช่วงนี้ อะไรๆ ก็ดูแย่ไปเสียหมด คุณลองหยุด เพื่อพักชาร์จแบตเสียบ้าง เราไม่ได้คะยั้นคะยอให้คุณต้องไปเที่ยว ต้องไปเดินทางค้นหาตัวเอง เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่การหยุดทำงานอดิเรกที่สนใจ หรือชื่นชอบ ปล่อยให้ตัวเองได้ทำอะไรอย่างที่ใจอยากทำ อาจจะเป็นแค่การนั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสืออยู่บ้าน กระทั่งแค่การพาหมาแมวไปเดินเล่น ก็ล้วนแล้วแต่ช่วยได้ทั้งนั้น
ที่สำคัญคือ การอย่าปล่อยให้ตัวเองจมจ่ออยู่กับความเครียด หาสิ่งที่อยากทำ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ความชอบตัวเอง ให้พักชาร์จแบตเสียบ้าง จะช่วยเยียวยาใจคุณได้มากกว่าที่คิด
-
อยากบ่น อยากร้องไห้ ก็ระบายออกมา
การเก็บกด เก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองไม่ใช่เรื่องดี คุณอาจต้องหาใครสักคนที่ไว้ใจได้ จะเป็นเพื่อนสนิท คนใกล้ตัว ครอบครัว เพื่อพูดคุยระบายเรื่องราวต่างๆ บ้าง
สำหรับใครที่เขินอาย หรือกลัวว่าคนรอบข้างจะไม่เข้าใจ ลองเขียนลงไดอารี่ หรือการใช้โลกโซเชียล ปกปิดชื่อ แล้วเขียนระบายความรู้สึกลงไปบ้าง ก็ช่วยได้ไม่น้อยเลยล่ะ
-
สุดๆ แล้ว ต้องจิตแพทย์
ยอมรับเถอะ ว่าไม่มีใครเชี่ยวชาญเรื่องนี้ได้ดีไปกว่าหมอเฉพาะทางอีกแล้ว การพบจิตแพทย์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และเราแนะนำให้คุณได้ลองไปพบดูบ้าง
ลองสลัดความคิดเดิมๆ ว่าคนที่ไปพบจิตแพทย์ จะต้องเป็นผู้ป่วยที่สติไม่สมประกอบ หรือมีปัญหาทางจิตขั้นรุนแรงเท่านั้น เพราะหน้าที่ของจิตแพทย์ไม่ใช่เพียงแค่จัดยา ประเมินอาการเพียงอย่างเดียว แต่กลุ่มคนเหล่านี้จะช่วยให้คุณจัดระเบียบสุขภาพจิตอย่างจริงๆ จังๆ ได้เป็นอย่างดี
อย่ารอให้ตัวเองเจอแต่เรื่องถาโถมมากๆ แล้วไปพบแพทย์ทีเดียว เราบอกเลยนะว่าอาจไม่ทันการณ์ ของแบบนี้ป้องกันไว้ดีกว่าต้องมาแก้ มารักษาทีหลังกันนะ
หลายคนมักจะคิดว่า สภาพแวดล้อมไม่สำคัญ เราอยากให้คุณได้ลองปรับเปลี่ยนความคิดกันเสียใหม่ หากคุณไม่ใส่ใจ ปล่อยให้ตัวเองอยู่กับสภาพแวดล้อมพิษๆ โดยไม่รักษา หรือแก้ไขอะไร บอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่สุขภาพจิตเท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงสุขภาพทางกายของคุณอีกด้วย
แหม ถ้าเราไม่รู้จักดูแลเอาใจใส่ตัวเอง แล้วใครจะมาดูแลล่ะ จริงไหม
by คะน้าใบเขียว