“ความสุข” ทำให้เรารู้สึกดี แต่ความทุกข์…ทำให้เราโตขึ้น!
วันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เราทุกคนต่างแก่ลงกันทุกวินาที และช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาย่อมมีความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นกับคนเราได้ทุกขณะ มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น อะไรเดิมๆ ก็จบลงไปอยู่ตลอด ทั้งความสัมพันธ์เก่าและใหม่ ทุกสิ่งล้วนเรียกว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตทั้งสิ้น ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา ทั้งเรื่องดีและ เรื่องร้าย ทั้งเรื่องสุข และเรื่องเศร้า เรื่องราวทั้งสุข และทุกข์เหล่านี้ ทำให้คนเราเริ่มชินกับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามา โดยทำให้เริ่มคิดได้ว่า สุขอยู่ไม่นาน ทุกข์ก็อยู่ไม่นานเช่นกัน
แต่สำหรับบางคนอาจจะยังปิดกั้นการรับรู้ที่จะยอมรับในความเศร้า หรือความทุกข์ โดยไม่ยอมรับกับความจริงที่เจอ อย่าลืมนะคะว่า ความสุขใครๆ ก็เจอกันได้ แต่ความทุกข์นี่สิ ถ้าใครเจอแล้วผ่านมันไปได้ จะทำให้เราโตขึ้นได้มากเลยล่ะค่ะ เพราะต้องไม่ลืมว่า “ความทุกข์” คือความจริงของชีวิต วันนี้เราอยากให้ทุกคนลองฝึกฝนความคิด และจิตใจให้ชินชากับความเศร้า และความทุกข์ เพื่อที่จะยอมรับความทุกข์ให้ได้ เพราะเมื่อใดที่ความทุกข์มาเยือน นั่นย่อมไม่แปลกเลยที่เราจะพูดว่า “เข้ามาเลยเจ้าความทุกข์” เราไม่กลัวเจ้าหรอก เรากลับชอบเธออีกด้วย นั่นเป็นเพราะอะไรวันนี้เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้ที่จะโตขึ้น จากการเผชิญกับความทุกข์ค่ะ!
>> ใช้ RQ ในการปรับตัว เผชิญความเป็นจริงที่ยากลำบากได้ <<
มีใครเคยรู้บ้างว่านอกจาก IQ ที่เอาไว้วัดสติปัญญา และ EQ ที่ไว้วัดความฉลาดทางอารมณ์ โลกนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า RQ (Resilience Quotient) หมายถึงความสามารถในการปรับตัว เผชิญความเป็นจริงที่ยากลำบาก หรือรับมือกับภาวะวิกฤติในชีวิตได้ สิ่งนี้คือทักษะอันสำคัญ คือ ความสามารถในการยืดหยุ่นและฟื้นฟูเยียวยารักษาจิตใจได้เมื่อเจอเหตุร้ายในชีวิต คนที่สุขอาจไม่ใช่คนที่แฮปปี้ตลอดเวลา แต่สามารถทนรับสถานการณ์ร้าย ๆ ได้โดยไม่พังไปซะก่อน และนี่และค่ะเป็นสิ่งที่จะแสดงให้เราได้เห็นว่า คนที่จะโตขึ้นได้ จะต้องผ่านความทุกข์นานามาแล้ว และสามารถก้าวผ่านมายืนอยู่ ณ จุดที่ยืนอยู่ปัจจุบันได้
พูดแบบนี้ก็ไม่ได้จะให้คิดว่าเรารักที่จะอยากเจอกับปัญหาขนาดนั้น เพียงแต่เมื่อเราพบเจอเรื่องราวต่างๆ มากขึ้น เราก็เรียนรู้ที่จะรับมือกับปัญหามากขึ้น และ ด้วยใจที่เป็นกลางขึ้นนั่นเองค่ะ
>> ความทุกข์ มักนำพาเรามาเจอประสบการณ์ใหม่ <<
คนเราเมื่อผ่านระยะเวลาแต่ละช่วงของชีวิตมานั้น ย่อมมีเรื่องราวในชีวิตมากมายที่เข้ามา ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เราได้ทำความรู้จัก โดยเฉพาะความผิดหวังทั้งจากการใช้ชีวิต จากความรัก ความผิดหวังทำให้เรารู้สึกทุกข์ใจ ไม่สบายใจ ทำให้เราได้รู้จักการได้มาและเสียไป เมื่อรู้สึกทุกข์ รู้สึกเศร้า ผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่งมันจะหายไป เมื่อเราเจอปัญหา มองเห็นปัญหา ทำให้เรารู้ได้ว่าครั้งหน้าถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีกต้องแก้ไขมันอย่างไรดี การได้สัมผัสกับความเสียใจ กับความทุกข์ใจนั้น เมื่อผ่านมันไปได้นั่นแหละก็คือความสุข พูดงง่ายๆ คือ ถ้าเราไม่เจอทุกข์ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความสุขคืออะไร หรืออยู่ตรงไหน
>> ฝึกให้คนเรายอมรับเรื่องต่างๆ ได้มากขึ้น <<
คนเรานั้นเมื่อทุกข์ใจ เกิดความเศร้า เสียใจ บางครั้งอาจมาถึงจุดที่ต้องฝืนยิ้มให้กับคนรอบข้าง และจำเป็นต้องดึงตัวเองออกมาสู่ความรู้สึกดีๆ ให้ได้ไวๆ จุดนี้เราจะยอมรับควาจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไปเอง สังเกตว่าในบางครั้งผู้ใหญ่ที่มีเรื่องราวทุกข์ เศร้า จำเป็นต้องเข้มแข็ง ไม่แสดงออกถึงความอ่อนแอให้คนที่เป็นเด็กกว่าได้เห็น เพื่อเป็นตัวว่าต้องไม่อ่อนแอ แม้จะเสียใจมากเพียงใดก็ตาม และเรามักจะมองคนที่เก็บอารมณ์เศร้า เสียใจได้ดีว่ามีภาวะผู้นำ และความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนที่เสียใจ แล้วร้องไห้ฟูมฟาย แม้ว่าตอนนั้นคนคนนั้นจะรู้สึกเสียใจอยู่ ปวดร้าวอยู่ ทุกข์ใจอยู่ก็ตาม แต่ต้องยิ้มออกมา และก้าวผ่านจุดนั้นไปให้ไวกว่าคนอื่นๆ นี่จึงทำให้เค้าดูเป็นผู้ใหญ่ไปโดยปริยายค่ะ
>> ฝึกให้หัวเราะกับเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านเข้ามาได้ <<
ปัญหาและความทุกข์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา สุดท้ายแล้วมันก็ต้องผ่านไป สุขทุกข์อยู่กับเราได้ไม่นาน ขอแค่เรามีสติว่าทุกอย่างมีเกิดขึ้น ก็ต้องมีหายไป ทั้งเรื่องดี และไม่ดี ไม่ยึดติด ทำอะไรก็ต้องรู้ตัวอยู่ตลอด ก้าวผ่านความเสียใจ ความทุกข์ใจไปให้ได้ทุกครั้ง และเชื่อมั้ยคะว่าการที่เราฝึกการรู้สึกตัว การยอมรับความจริงทุกอย่างได้บ่อยๆ บางครั้งเราอาจจะรู้สึกตลกจนอยากหัวเราะออกมา
เมื่อก้าวผ่านความเสียใจมาได้ ความสามารถที่เกิดจากการฝึกฝนที่จะรู้สึกตัวยังคงติดตัวอยู่บ้าง มาถึงจุดนี้ ทำให้เราเห็นตัวเองคิดมากขึ้น ทั้งดี และ ไม่ดี
>> คิดได้ว่าปัญหาก็เหมือน “หมา” <<
ข้อนี้อาจฟังดูแปลก ไปสักหน่อยนะคะ ที่พูดเช่นนี้เพราะเราอยากให้ทุกคนคิดว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตก็เหมือน “หมา” เพราะเมื่อเราจ้องตามัน มันจะจ้องตาเรา ถ้าเราวิ่งหนีมันมันจะวิ่งตามเรา แต่หากเราวิ่งตามมัน มันจะวิ่งหนีเราค่ะ ดังนั้นเมื่อเราวิ่งหนีปัญหา ปัญหานั้นก็จะตามพัวพันเราไปทุกที่ แต่ถ้าเราหยุด มันก็จะหยุดนิ่งเช่นกันนั่นเอง หรือถ้าเราลงมือแก้ไขกับปัญหา จัดการกับความทุกข์ใจได้ ปัญหานั้นก็จะวิ่งถอยห่างออกไปจากเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติที่สุดแล้วล่ะค่ะ
ถ้าเราเรียนรู้ และรู้จักทำความเข้าใจกับธรรมชาตินี้ เราจะรู้ว่าในที่สุดเราจะชนะปัญหา เราจะไม่วิ่งหนีมันไปไหน แต่จะพร้อมสู้มันทันทีที่มันมา นี่แหละคือชีวิตที่เราต้องดำเนินไป และรู้จักวิธีที่จะจัดการกับมันก่อนที่มันจะจัดการเราค่ะ
>> รู้สึกอยากเป็นคนดี และเสียใจเมื่อทำไม่ดี <<
เมื่อเรารู้สึกเสียใจ และเริ่มรู้สึกว่าอาการเสียใจนั้นหายไป เราจะเริ่มมีสติว่าตัวเองทำอะไรลงไปเมื่อไม่นานมานี้ อาจจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรไม่ดี ไม่สมควรลงไป เมื่อนึกย้อนก็คิดว่าไม่อยากทำแบบนั้นอีก หรือในอนาคตจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกอย่างเด็ดขาด สิ่งนี้จะสั่งสมและทำให้เราเป็นคนรู้ดี รู้ชั่ว มากขึ้นไม่อยากทำตัวไม่ดี เพราะจะทำให้คนอื่นเสียใจ แค่เรารู้สึกอยากเป็นคนดี เท่านี้ก็โตขึ้นอีกระดับแล้วล่ะค่ะ
ผู้คนมากมายต่างผ่านเรื่องราวมาแตกต่างกัน เป็นปกติที่คนๆ หนึ่งจะมีทั้งดีและไม่ดี ดังนั้น ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะไปตัดสินใคร และ คนส่วนมากถ้าเข้มแข็งพอ พวกเค้าคงอยากเป็นคนดี ตรงนี้ดูได้จากการใช้ชีวิตจากคนใกล้ตัวของเรานี่ล่ะค่ะ จะเห็นว่าคนเราย่อมต้องอยากเป็นคนดีกว่าคนไม่ดี เพราะขนาดดูละครเรายังเชียร์พระเอก นางเอกมากกว่าตัวโกง หรือตัวอิจฉาใช่มั้ยล่ะคะ
SOURCE : www.goodlifeupdate.com