เทคนิค ตอบปฏิเสธ อย่างไร ไม่ให้เสียทั้งตัวเราและคนรอบข้าง
เชื่อว่าหลายคนอาจเคยรู้สึกหนักใจกับการต้องพูด ตอบปฏิเสธ คนรอบข้างออกไปบ้าง เวลาที่คนเหล่านั้นต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการบางสิ่งบางอย่างจากเรา ซึ่งมันก็ก่อให้เกิดเป็นความไม่สบายใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่จะทำอย่างไรได้ใช่มั้ยคะ เพราะเราก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่มีพลังวิเศษ สามารถทำให้ทุกคนพึงพอใจหรือบรรลุผลลัพธ์ต่างๆ ได้ ฉะนั้น วันนี้เราจึงอยากมอบเทคนิคดีๆ ในการช่วยคุณพูดปฏิเสธ แบบไร้ความกังวลใจ แถมไม่ทำให้คนรอบข้างเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองต่อตัวคุณด้วย มาฝากกันค่ะ
พูดปฏิเสธด้วยความอ่อนโยน ประนีประนอม
เป็นเรื่องจริงนะคะที่ว่า การพูดจาดีต่อกัน มักทำให้เรื่องเลวร้าย กลายเป็นเรื่องที่ดีขึ้นได้ในชั่วพริบตา ถ้าหากอนาคตอันใกล้ คุณอาจจำเป็นต้องมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีปากเสียงกับคนรอบข้างแบบไม่ตั้งใจ เราอยากลองให้คุณใช้สติ และเปลี่ยนร้อนเป็นเย็นด้วยคำพูดทะนุถนอมน้ำใจกัน ไม่แน่ว่าปัญหาที่กำลังเดือดรอเวลาปะทุ อาจทุเลาลงได้ ด้วยความอ่อนโยนและการประนีประนอม
ฉะนั้น ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน การพูดจาด้วยเหตุผล ปราศจากอารมณ์ ก็ยังถือเป็นสิ่งที่ส่งผลดีอยู่เสมอ การพูดตอบปฏิเสธออกไปก็เหมือนกัน หากใช้คำพูดให้เป็น รับรองว่าทั้งคุณและผู้ที่มาขอความช่วยเหลือ อาจไม่ต้องมานั่งแบกรับความรู้สึกไม่สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายก็เป็นได้
พยายามช่วยหาทางออกอื่นให้
“น้ำใจ” ยังคงถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นกับทุกๆ สังคมบนโลกใบนี้เสมอ ไม่ว่าเราจะสามารถให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้หรือไม่ แต่การแสดงออกถึงความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ก็นับเป็นการตอบปฏิเสธกลับที่ไม่แย่เลย ฉะนั้น ถ้าหากคุณไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเขาในเรื่องนี้ได้จริงๆ ให้ลองเบนเข็มไปในเรื่องอื่นที่คุณพอจะช่วยได้แทน
เพราะนอกจากมันจะทำให้คุณไม่ต้องมารู้สึกผิดหรือหนักใจกับการไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว ยังอาจทำให้ผู้มาขอความช่วยเหลือนั้นรู้สึกดี ว่าอย่างน้อยคุณก็ไม่ได้ทอดทิ้งเขาให้ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอยู่เพียงลำพัง
มีเหตุผลที่ฟังได้มารองรับ
หลายคนเวลาพูดปฏิเสธใครออกไปแล้ว มักกลับต้องมานั่งรู้สึกไม่สบายใจภายหลัง เพียงเพราะเกรงว่าผู้มาขอความช่วยเหลือนั้นอาจต้องลำบาก และกังวลว่าตัวเองจะถูกมองไม่ดี ซึ่งมันจะดีกว่ามั้ย ถ้าหากเราอยากให้คุณได้ลองอธิบายเหตุผลที่แท้จริงในการไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ และเหตุผลเหล่านั้น ต้องเป็นเหตุผลที่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจออกมาจริงๆ
เพราะสุดท้ายแล้ว มันอาจทำให้อีกฝ่ายเกิดความเห็นอกเห็นใจคุณ และไม่กล้าที่จะเข้ามารบกวนคุณมากกว่า เนื่องจากคนเราทุกคนย่อมมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการแตกต่างกันออกไป ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเหตุผลแบบไหน ทุกคนต่างก็ควรเคารพในสิทธิของกันและกัน โดยไม่ควรก้าวก่ายให้อีกฝ่ายเกิดความไม่สบายใจนั่นเอง